เฟรเซอร์สฯยกระดับอาคารเขียวคว้ามาตรฐาน“EDGE Certified”

เฟรเซอร์สฯยกระดับอาคารเขียวคว้ามาตรฐาน“EDGE Certified”

เฟรเซอร์สฯอินดัสเทรียล ยกระดับพอร์ตอาคารเขียว ปูทางต้นแบบการปรับปรุงโรงงานของไทยประเดิมคว้ามาตรฐานอินเตอร์ “EDGE Certified” การันตีประสิทธิภาพ-ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมรั้งผู้นำอสังหาฯเพื่ออุตสาหกรรม

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ของอาเซียน ภายใต้เครือบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ FPT ตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 ของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมที่มีพื้นที่อาคารเขียวมากที่สุด โดยไม่เพียงพัฒนาอาคารใหม่ตามแนวทางความยั่งยืน

และยังเป็นรายแรกของไทยที่ยกระดับปรับปรุงอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงงานที่อยู่ระหว่างการใช้งานเข้ารับการประเมินและผ่านการรับรองจาก EDGE (Excellence in Design for Greater Efficiencies) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่พัฒนาโดย Green Business Certification Inc. (GBCI) องค์กรชั้นนำที่ประเมินและขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของอาคารเขียวทั่วโลก และเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation หรือ IFC) ภายใต้ธนาคารโลกให้การยอมรับ

สำหรับอาคารแห่งแรกของประเทศไทยที่ผ่านการรับรอง EDGE Certified ในครั้งนี้ คือโรงงานแบบพร้อมใช้ (Ready-Built) ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวม 2,275 ตร.ม.ของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ซึ่งผ่านการปรับปรุงอาคารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โดยมาตรฐาน EDGE มุ่งผลักดันให้อาคารสามารถลดการใช้พลังงาน (Energy Savings) ลดการใช้น้ำ (Water Savings) และเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย (Less Embodied Energy in Materials) ในอัตราไม่น้อยกว่า 20% ซึ่งเมื่อเทียบกับอาคารอ้างอิงตามมาตรฐาน EDGE นั้น บริษัทฯ ได้สร้างความสำเร็จทั้ง 3 มิติไว้ที่โรงงานแห่งแรกที่ได้รับการรับรอง ดังนี้ 
 

สามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 25% ด้วยการเปลี่ยนหลอดไฟเป็น LED โดยคำนึงถึงความสว่างที่เหมาะสมแก่ผู้ใช้อาคาร พร้อมทั้งติดตั้งฉนวนหลังคาเพิ่มเติม และทาสีอาคารใหม่เป็นสีโทนอ่อน เพื่อสะท้อนความร้อนและลดความร้อนเข้าสู่อาคารประหยัดการใช้น้ำได้มากถึง 69% ด้วยการเปลี่ยนเป็นสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ
สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสม (Embodied Carbon) ตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ได้ถึง 63% ด้วยการปรับปรุงอาคารโดยใช้วัสดุก่อสร้างที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย (Less Embodied Energy in Materials)

การปรับปรุงอาคารและได้รับการการันตีจาก EDGE ในครั้งนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับลูกค้าและผู้ใช้อาคาร เพราะจะได้ใช้ประโยชน์จากอาคารที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ในระยะยาว พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ในการให้บริการโรงงานสำเร็จรูปคุณภาพสูง และเป็นแบบอย่างให้กับผู้เล่นรายอื่นในธุรกิจอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรมของไทย โดยบริษัทฯ พร้อมเดินหน้าปรับปรุงอาคารโรงงาน-คลังสินค้าแบบพร้อมใช้ (Ready-Built) ควบคู่กับการพัฒนาอาคารโรงงาน-คลังสินค้าแบบตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) ให้เป็นไปตามมาตรฐานอาคารเขียวระดับสากลอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายพื้นที่อาคารเขียวจากเดิมที่มีอยู่กว่า 500,000 ตร.ม.เป็น 2 ล้านตร.ม.ภายในปี2569