สิ้นสุดการรอคอย! เดอะ ฟอเรสเทียส์ พร้อมโอนและเข้าอยู่ในปี67
MQDCเผย อภิมหาโปรเจค 'เดอะ ฟอเรสเทียส์' ทุกโครงการคืบหน้ากว่า 70%โครงการWhizdom Destinia และ My-topia ทยอยโอนสิ้นปี 2566 ตามมาด้วยโครงการแบรนด์ต่าง ๆทยอยเสร็จพร้อมโอนตามแผนตั้งแต่ต้นปีนี้ ย้ำทุกโครงการจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมโอนยูนิตให้ลูกบ้านให้เข้าอยู่อาศัยได้ปี67
Key Points:
- โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการสร้าง ‘อาณาจักรป่ากลางเมือง’ ที่ต้องการให้ผู้อยู่อาศัย มีชีวิตที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนมาใช้ในการพัฒนา
- โครงการ ประกอบไปด้วยระบบเทคโนโลยีการจัดการและบริหารพลังงาน ภายในตัวอาคาร อย่างระบบ Central Utility Plant (CUP) ระบบ Energy Management Unit (EMU) และ Energy Recovery Ventilator (ERV) รวมถึงผืนป่าขนาด 30 ไร่ พร้อมระบบนิเวศน์สมบูรณ์ภายในโครงการที่เสร็จ สมบูรณ์แล้ว 100% พร้อมรองรับการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตของคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ในทุกโครงการภายใน เดอะ ฟอเรสเทียส์ ด้วยประสบการณ์แห่งความสุข
นายกิตติพันธุ์ อุยามะพันธุ์ ประธานผู้อำนวยการ โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าวว่า ขณะนี้ การก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยภายในโครงการ The Forestias หลายโครงการคืบหน้าไปมาก ซึ่งโครงการที่พร้อมเริ่มโอนให้ลูกบ้านได้ตั้งแต่ต้นปีนี้ ได้แก่ โครงการคอนโดมีเนียมภายใต้แบรนด์ Whizdom สามโครงการ วิสซ์ดอม เดอะ ฟอร์เรสเทียส์ มายโทเปีย วิสซ์ดอม เดอะ ฟอร์เรสเทียส์ เดสทิเนีย และ วิสซ์ดอม เดอะ ฟอร์เรสเทียส์ เพทโทเปีย ตามลำดับ
ทั้งนี้ 3โครงการแรกดังกล่าว แต่ละโครงการได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกัน เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน
โครงการ มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า ซึ่งเป็นคลัสเตอร์โฮม พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์เพื่อการอยู่อาศัยร่วมกันของครอบครัวใหญ่ หลายเจนเนอเรชั่นอย่างมีความสุข และ มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ คอนโดมิเนียม ก็มีการก่อสร้างคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วกว่า 70% คาดว่าพร้อมทยอยโอนให้กับลูกบ้านได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้
นาย กิตติพันธุ์ กล่าวอีกว่า โครงการที่ร่วมมือกับ Baycrest สถาบันการดูแลสุขภาพคนวัยอิสระ ซึ่งเป็นสถาบันดูแลสุขภาพชั้นนำของโลกจากแคนาดา มาร่วมออกแบบที่อยู่อาศัย พร้อมระบบต่างๆ เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยวัย 50+ หรือวัยอิสระ ให้กับ ดิ แอสเพน ทรี เดอะ ฟอเรสเทียส์ ขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้าไปถึง 70% ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วเช่นกัน คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดพร้อมโอนได้ในเดือนเมษายนปีนี้
“โครงการ ดิ แอสเพน ทรี เป็นที่อยู่อาศัยคอนเซ็ปต์ใหม่ของโลก ที่เน้นการดูแลตลอดชีวิต หรือ Life-time Care จึงต้องการให้ผู้สนใจได้สัมผัสประสบการณ์จริง ซึ่ง Independent Living Community นี้ จะเน้นสร้างให้เสร็จสมบูรณ์แล้วจึงเปิดขายอย่างเป็นทางการ เนื่องจากการตัดสินใจหลักของผู้ซื้อ จะเน้นไปที่มาตรฐานการดูแล และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโครงการ จึงจะพร้อมเปิดชมภายในโครงการจริงในเดือนกุมภาพันธุ์ 2567 เป็นต้นไป” นาย กิตติพันธุ์ กล่าวเสริม
ขณะเดียวกัน โครงการแบรนด์ระดับโลกซิกส์เซนส์ (Six Senses) โครงการที่อยู่อาศัยหรูหราสไตล์รีสอร์ทแห่งแรกของแบรนด์ Six Senses ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการบริหารโดย Six Senses ก็ก่อสร้างใกล้เสร็จสมบูรณ์ คาดว่าพร้อมทยอยโอนให้กับลูกบ้านได้ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
นอกเหนือจากโครงการข้างต้น เดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังได้เริ่มพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่เพิ่งเปิดตัวใหม่เมื่อกลางปีที่ผ่านมา อย่าง “The Forestias Signature Series” (เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์) ซึ่งโครงการเหล่านี้จะทยอยพร้อมโอนให้กับลูกบ้านได้ในปี 2568
พร้อมกันนี้ ยังมี Happitat at The Forestias (แฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์) ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ บนพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตร รองรับไลฟ์สไตล์ของคนทุกวัยได้ครบจบในที่เดียว เป็น “จุดหมายแห่งใหม่ของความสุขเหนือจินตนาการ” เพื่อให้ทุกคนทุกวัยได้มาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆตลอดจนสัมผัสการช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อทั้งในโลกจริงและโลกดิจิทัล เพราะเป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารชั้นนำในคอนเซ็ปต์พิเศษกว่า 300 ร้านค้า รวมทั้งมีแบรนด์แฟชั่นและแบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายที่จะเป็นแลนด์มาร์คแห่งการเฉลิมฉลองความสุขในทุกเทศกาล โดยจะทำงานร่วมกับศิลปินทั้งในระดับประเทศและระดับโลก รวมถึงการนำความบันเทิงในระดับเวิลด์คลาสเข้ามาจัดแสดงเพื่อตอกย้ำภาพเดสติเนชั่นของความสุขเหนือจินตนาการให้สมบูรณ์แบบ
Happitat at The Forestias (แฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์) มีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้วเสร็จ 70% รวมทั้ง The Hilltop Offices พื้นที่ออฟฟิศให้เช่าที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน มีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้วเสร็จ 60% และจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดให้บริการในเดือนกันยายนปี 2567