เจาะแนวคิด‘ธัญทิพ เจียรวนนท์’ปั้นอีเดน เอสเตทตอบโจทย์อัลตร้า ลักชัวรี
เจาะแนวคิด ‘ธัญทิพ เจียรวนนท์’หลานเจ้าสัวสัวธนินท์ ปั้นอีเดน เอสเตท ชูจุดขาย‘หายาก สร้างยาก’ ตอบโจทย์อัลตร้า ลักชัวรีของแทร่แบบไม่ต้องตะโกน หวังขึ้นแท่นผู้นำ Ultra-Luxury Low-Density รายแรกเมืองไทย
Key Points:
- จากประสบการณ์ 5 ปีในการพัฒนาโครงการ เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ “ธัญทิพ เจียรวนนท์ “หลานสาวเจ้าสัวธนินท์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีเดน เอสเตท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้พบ “อินไซต์” ของลูกค้าระดับอัลตร้า ลักชัวรี โซนเอกมัย สุขุมวิท ที่ต้องการห้องใหญ่ แต่ซัพพลายแทบไม่มีเหลือ นั่นจึงเป็น “โอกาส” ในพัฒนาคอนโดโลว์ไรส์ ออกมาตอบสนองตลาด
ธัญทิพ กล่าวว่า นั่นเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการ “อีเดน เอกมัย” โครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบโลว์ไรส์ (Low-Rise) ที่มีจุดเด่นด้วยแนวคิด Ultra-Luxury Low-Density รายแรกของไทย
โครงการอยู่ในทำเลใจกลางกรุงเทพอย่าง เอกมัยซอย 12 และมีจำนวนเพียง 17 ยูนิต พร้อมที่จอดรถมาตรฐานถึง 300% เป็นการเปิดน่านน้ำใหม่ ในฐานะผู้บุกเบิกตลาดในกลุ่ม Ultra-Luxury Low-Density ในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย
โดยกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มคนที่ต้องการอยู่ในทำเลสุขุมวิท เอกมัย มีครอบครัวอยู่อาศัยในย่านนี้มานานต้องการขยายครอบครัวแต่ยังอยากอยู่ใกล้พ่อแม่ ซึ่งโครงการนี้น่าจะเป็นอีกโครงการหนึ่งที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ “อีเดน เอสเตท” เป็นชื่อบริษัทใหม่ที่เปลี่ยนจากเดิมคือ “1.6 ดีเวล็อปเม้นต์” (วันพ้อยท์ซิกซ์) ที่พัฒนาโครงการแรก
เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ ที่ร่วมทุนกับ MQDC หรือบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นการที่อยู่อาศัยในรูปของมิกซ์ยูส (Mixed-use) มูลค่ากว่า 4,800 ล้านบาท จำนวน 188 ยูนิตก่อสร้างแล้วเสร็จ 100%
“เราแค่มาเปลี่ยนชื่อจากวันพ้อยท์ซิกซ์ ดีเวล็อปเม้นต์มาเป็นอีเดน เอสเตท เหตุผลหลักเพราะหลายคนจำชื่อไม่ได้ จึงอยากสร้างแบรนด์ใหม่ที่ยั่งยืนสะท้อนความเป็นประเทศไทยได้ในระดับโลก”
สำหรับแผนพัฒนาโครงการของ อีเดน เอสเตท จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นการพัฒนาเท่าที่ ”จำเป็น” เพื่อตอบสนองกับความต้องการตลาดที่แท้จริง
“ไม่จำเป็นต้องขึ้นโครงการใหม่ทุกปีเป็นพันยูนิต เพราะไม่ใช่เป้าหมายในการก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อดำเนินธุรกิจอสังหาฯ เน้นการสร้างโครงการที่มีมูลค่าและสร้างความแตกต่างจากโครงการในตลาดอสังหาฯ”
ธัญทิพ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีเดน เอสเตท คอร์ปอเรชั่น
สำหรับโครงการแรก “อีเดน เอกมัย” เป็นการซื้อบ้านเก่าซื้อมาพัฒนาเป็นคอนโดโลว์ไรส์ ระดับอัลตร้าลักชัวรี บนพื้นที่ 1-0-2 ไร่ สูง 7 ชั้น17 ยูนิต มูลค่า 2,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 350,000 บาท/ตร.ม. แบ่งเป็น ห้องดูเพล็กซ์ ขนาด 350-391 ตร.ม. 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ราคาเริ่มต้น 130 ล้านบาท ห้องซิมเพล็กซ์ ขนาด 219-224 ตร.ม. 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ราคาเริ่มต้น 70 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2567 คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 3 ปีข้างหน้า มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 49% และคนไทย 51%
ทั้งนี้เนื่องจาก ทำเลดังกล่าวมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตครบวงจร อาทิ สถานศึกษา โรงพยาบาล ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีทองหล่อและเอกมัย ห้างสรรพสินค้าจึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการแยกครอบครัวออกมา แต่ยังอยากอยู่ใกล้บ้านทำเลเดิม
ธัญทิพ ระบุว่า กลุ่มลูกค้าระดับอัลตร้าลักชัวรี ต้องการซื้อสินค้าที่สามารถเพิ่มมูลค่าได้ในระยะยาว ซึ่งบ้านถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่สามารถเพิ่มมูลค่าได้ดี เหมาะต่อการซื้อเพื่อลงทุน เพื่อส่งต่อสินทรัพย์ให้แก่ลูกหลาน โดยโซนสุขุมวิทราคาขึ้นทุกปี
“แนวทางการพัฒนาโครงการ เน้นโครงการที่มีคุณค่า มูลค่าสูง สร้างยาก หายาก พัฒนาไม่ง่าย”
ซึ่งแนวคิดดังกล่าวก็คล้ายกับ “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ” ที่การเปิดตัวในช่วงโควิด ราคาอยู่ที่ 350,000 บาท/ตร.ม. ราคาเริ่มต้นห้องขนาด 38 ตร.ม.ราคา 17 ล้านบาท ส่วนเพนท์เฮ้าส์ ราคาห้อง 80-100 ล้านบาท ซึ่งขายหมดแล้ว! และยังพบว่าลูกค้าสามารถปล่อยเช่าได้ในราคาที่สูงเฉลี่ย 120,000 บาท/เดือน สำหรับห้องแบบ 2 ห้องนอน!!
ทั้งนี้สำหรับแนวทางการทำตลาดที่เน้นกลุ่มที่มีกำลังซื้อระดับอัลตร้าลักชัวรีนั้น หลักๆ คือ การเน้น“ทำเลกลางใจเมือง” ประเด็นถัดมาคือการ “บริการ ” ที่ต้องตอบโจทย์ลูกค้าเฉพาะบุคคล อาทิ มีลิฟท์ส่วนตัว เล้านจ์ส่วนกลางสุดหรู ไพรเวทฟิตเนส 2 ห้อง สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ ห้องซาวน่าเกลือหิมาลัยส่วนตัว และเคาน์เตอร์ต้อนรับของโครงการพร้อมผู้ช่วยส่วนตัวที่จะคอยดูแลและอํานวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านแบบเอ็กซ์คลูซีฟตลอด 24 ชม. ที่จอดรถมาตรฐาน 300% จอดได้ห้องละ 3 คัน พร้อมอีวีชาร์จเจอร์ เป็นต้น
ส่วนเป้าหมายระยะยาวของ อีเดน เอสเตท คือ ต้องการเป็นผู้นำ Ultra Luxury, Low Density ในประเทศไทย ที่ห้องยิ่งใหญ่ จำนวนน้อย คุณภาพต้องยิ่งดี