จับตาเดอะ สแตนดาร์ดผนึกแสนสิริ-จิราธิวัฒน์ เขย่าตลาดอสังหาฯหัวหิน-ภูเก็ต
ครั้งแรกในเอเชีย! จับตา Branded Residence ภายใต้แบรนด์ “เดอะ สแตนดาร์ด” แบรนด์สุดฮอตในหมู่เซเลบริตี้คนดังระดับ A-list ปักหมุดในไทยนำร่อง หัวหิน ร่วมกับแสนสิริ และตระกูลจิราธิวัฒน์ในภูเก็ต ภายใต้แบรนด์ เดอะ สแตนดาร์ด เรซิเดนซ์ ภูเก็ต บางเทา
Key Points:
- ถือเป็น ครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์เมืองไทย เมื่อ2กลุ่มใหญ่วงการอสังหาริมทรัพย์อย่าง“แสนสิริ ”และ "ตระกูลจิราธิวัฒน์” ในวงการค้าปลีกเมืองไทยภายใต้การนำทัพ “ภูมิ จิราธิวัฒน์” ในฐานะผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหารกองทุน บริษัท ซีจี แคปปิตอล แอดไวซอรี่ จำกัด
- จับมือกับ Branded Residence แบรนด์ “เดอะ สแตนดาร์ด” บูทีคโฮเทลและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกสุดฮอตในหมู่เซเลบริตี้คนดังระดับ A-list
โดยก่อนหน้านี้“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตบิ๊กบอสแห่ง “แสนสิริ” เคยให้สัมภาษณ์กับ“กรุงเทพธุรกิจ”ว่า ได้เตรียมที่ดินขนาด 10 ไร่ ซึ่งซื้อเก็บมากว่า 4 ปีมาเพื่อทำ เดอะ สแตนดาร์ด เรซิเดนซ์ หัวหิน ซึ่งเป็นฟรีโฮลด์ อยู่หาดเดียวกันกับโรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน สามารถเดินถึงกันได้ รับรองฮือฮาแน่นอน คาดเปิดขายไตรมาสแรกปีนี้
โปรเจกต์นี้ ถือเป็น เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ แห่งแรกในประเทศไทยและแห่งแรกในเอเชีย และ แห่งที่ 3 ของโลก!!!
จากก่อนหน้านี้ เดอะ สแตนดาร์ด ไมอามี่ ได้ทำสแตนอะโลน เรสซิเดนซ์ เปิดขายเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาขายไปแล้ว 70% คิดเป็นจำนวน 228 ยูนิต เป็นอพาร์ตเมนต์12 ชั้น มีฟาซิลิตี้ที่หลากหลายและแตกต่าง มากกว่าคอนโดมิเนียมทั่วไป อาทิ คาเฟ่ออนกราวน์ รูฟท๊อปบาร์ ซึ่งมีเชนมาบริหาร มี “Pickle ball” ลักษณะคล้ายกับการเล่นแบดมินตัน-ปิงปอง และเทนนิส กำลังได้รับความนิยมและเติบโตเร็วที่สุดในอเมริกา มียิมเหมือนในโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด โปรแกรมมิ่งที่จัดให้ลูกบ้าน เช่น มีเทรนเนอร์หรืออีเวนต์เวียนมาให้บริการแล้วแต่นิติบุคคลจะนำเสนอให้กับลูกบ้าน
สำหรับรูปแบบของ “เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์” มี 3 โมเดล โมเดลแรก ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกับโรงแรมเป็น สแตนอะโลน เรสซิเดนซ์ และหาโอเปอเรเตอร์มาบริหารคาเฟ่หรือรูฟท๊อป
โมเดลที่สอง เรสซิเดนซ์อยู่กับโรงแรมในพื้นที่ติดกันและเอื้อซึ่งกันและกัน ฟาซิลิตี้ไม่ต้องมีทุกอย่างสามารถใช้บริการโรงแรมได้ เป็นสเกลที่พึ่งพากัน!
โมเดลที่สาม อยู่ด้วยกันและสต็อกบางกลุ่มของเรสซิเดนซ์/โรงแรม เหมือนเป็น rental pool ซึ่งยังไม่มีโมเดลนี้
ตามแผนจะมีการเปิดตัว เดอะ สแตนดาร์ด ที่ลิสบอน โปรตุเกส มีทั้งโรงแรมและเรสซิเดนซ์ โดยโรงแรมเปิดปี 2567 ปีถัดมาเป็น เรสซิเดนซ์ ซึ่งในปี 2567 “ไมอามี่ เรสซิเดนซ์” จะสร้างเสร็จ จากนั้นมีแผนที่ทูลัม เม็กซิโก, ออสติน เท็กซัส และดูไบ เป็นการสร้างเรสซิเดนซ์พร้อมกับโรงแรม
“แสนสิริ” เน้นตลาดพรีเมี่ยมในพื้นที่สำคัญในเมืองท่องเที่ยวของไทย อย่าง หัวหิน พัทยา ภูเก็ต สมุย โดยเปิดกว้างให้เจ้าของที่ดิน หรือดีเวลลอปเปอร์ที่ต้องการแบรนด์ “เดอะ สแตนดาร์ด” ที่มีความแข็งแกร่งเข้ามาดึงดูดผู้ซื้อ ทั้งคนไทยและต่างชาติที่พร้อมจ่าย!!
ล่าสุดได้สร้างเสียงฮือฮาเขย่าวงการ อีกครั้งเมื่อ “ภูมิ จิราธิวัฒน์” ในฐานะผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหารกองทุน บริษัท ซีจี แคปปิตอล แอดไวซอรี่ จำกัดเตรียมประกาศนโยบายการลงทุน รวมทั้งทิศทางในการดำเนินธุรกิจ และพัฒนาโครงการแรกคอนโดมิเนียมที่ภูเก็ต “เดอะ สแตนดาร์ด เรซิเดนซ์ ภูเก็ต บางเทา” รองรับการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายการลงทุนของบริษัท
ความร่วมมือนี้นับเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ของครอบครัว “จิราธิวัฒน์” ในการดึงBranded Residence ภายใต้แบรนด์ “เดอะ สแตนดาร์ด” บูทีคโฮเทลและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลก มาร่วมเป็นพันธมิตรในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี เพื่อสร้างการรับรู้ได้อย่างรวดเร็วและสร้างความได้เปรียบผ่านแบรนด์ที่เป็นรู้จักทั่วโลก
ทั้งนี้เนื่องจากกระแสความร้อนแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต โดยเฉพาะในตลาดระดับลักชัวรียังคงเป็นที่สนใจของชาวต่างชาติในการซื้อเพื่อการลงทุนและเพื่ออยู่อาศัยในระยะยาว ทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์จากกรุงเทพฯต่างมุ่งหน้ามาภูเก็ต อย่างไม่ขาดสายตั้งแต่ปี2566ที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็น ศุภาลัย แสนสิริ ออริจิ้น แอสเซทไวส์ กานดา แม้กระทั่ง “เซ็นทรัลพัฒนา” ขยายพอร์ตธุรกิจที่อยู่อาศัยในจ.ภูเก็ต ภายใต้งบลงทุน 5,000 ล้านบาท
แบ่งพัฒนาโครงการออกเป็น 3 เฟส ใช้เวลา5 ปีในการดำเนินการ โดยนำร่องเฟสแรกด้วยโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น แบรนด์ “ฟีล” (PHYLL) บนพื้นที่ 6 ไร่ จำนวน 3 อาคาร จำนวน 439 ยูนิต มูลค่า 1,500 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 2.69- 6 ล้านบาทปัจจุบันมียอดขาย70%
ส่วนที่เหลือ 30% จะเปิดขายในเดือนพ.ย.นี้คาดจะปิดการขายสิ้นปี2566 ขณะที่เฟส2 จะเริ่มพัฒนาในปี2567 จำนวน 3 อาคาร มีจำนวน300 ยูนิต ส่วนในเฟส 3 มีแนวคิดพัฒนาเป็น‘เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์’ จำนวน 300 ยูนิต โดยคิดราคาค่าเช่า 30,000-40,000 บาทต่อเดือนเพื่อรองรับกลุ่มต่างชาติเป็นหลัก