อสังหาฯยื่นหนังสือแบงก์ชาติปลดล็อกLTV หวังกระตุ้นกำลังซื้อบ้านหลัง2
อสังหาฯผนึกกำลังยื่นหนังสือแบงก์ชาติปลดล็อกLTV กระตุ้นกำลังซื้อบ้านหลัง2 อีกระลอกหลังเข้าพบ นายกฯ เศรษฐา พิจารณา 8ข้อเสนอกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาฯ ย้ำหมดยุคเก็งกำไร
Key Points:
- แม้ว่ามาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ Loan-to-Value: LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมวินัยทางการเงิน ห้ามการกู้ซื้อบ้านมือเปล่า
- สำหรับบ้านราคาสูงและบ้านหลังที่สองขึ้นไปเพื่อป้องกันการก่อหนี้เกินตัว ลดความเสี่ยงสินเชื่อเงินทอน (กู้เงินได้มากกว่ามูลค่าบ้าน) และลดความเสี่ยงของการเก็งกำไรในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อาจนำไปสู่ปัญหาเสถียรภาพของระบบการเงิน แต่ในมุมของภาคอสังหาฯถือเป็นอุปสรรคสกัดกั้นกำลังซื้อที่อยู่อาศัย
นายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ระบุว่า มาตรการ LTV เป็นปัจจัยกดดันต่อกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อบ้านหลังที่ 2 และ 3 ทำให้ต้องใช้เงินในการดาวน์สูงขึ้น ส่งผลให้เกิดการชะลอตัดสินใจซื้อ ซึ่งในปัจจุบันการเก็งกำไรไม่มีแล้ว มีแต่คนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน ใกล้โรงเรียน มหาวิทยาลัยลูกมากขึ้นแทนที่จะเสียเงินค่าในการเดินทางไปผ่อนชำระค่าที่อยู่อาศัยแทน ประกอบกับว่าธนาคารพาณิชย์ยังมีเกณฑ์ DSR ที่มาวิเคราะห์และพิจารณาความสามารถในการกู้ของลูกค้าที่เข้ามาขอสินเชื่ออยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องนำเกณฑ์ LTV มาใช้ควรการผ่อนคลาย หรือ ยกเลิกไปก่อน เพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว
"หากผ่อนคลายบางกฎเกณฑ์ที่จะช่วยให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยกลับมาฟื้นตัวได้ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ หนึ่งในนั้นก็คือ มาตรการ LTV"
โดยเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ทาง 7 องค์กรด้านอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย สมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร, สมาคมอาคารชุดไทย ,สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย, สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์, สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เพื่อขอให้พิจารณาผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย Loan to Value หรือLTV เป็นการชั่วคราวในปี 2567 หลังจากที่ก่อนหน้านั้นทั้ง 7 องค์กรด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้ เสนอกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาฯ 8ข้อกับนายกฯ เศรษฐาเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา
สอดคล้องกับที่นายพีระพงศ์ จรูญเอก นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้นถึง 60% ขึ้นอยู่กับประเภทที่อยู่อาศัยและบริษัท สะท้อนว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคเปราะบาง หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)คลายมาตรการLTV จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของคนที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่2 และหลังที่3 ที่ต้องการที่อยู่ใกล้ที่ทำงานหรือโรงเรียนลูกเข้ามาซื้ออสังหาฯ เพราะภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ไม่มีใครอยากดาวน์ 20-30% หากสามารถกู้ได้ 100% ทำให้ตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น
ขณะที่นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ถ้าธปท.จะเลื่อนหรือยกเลิกมาตรการแอลทีวีไปก่อนก็ดี แต่ควรต้องระมัดระวัง ในฐานะดีเวลลอปเปอร์ไม่อยากให้คนที่ไม่มีกำลังซื้อมาซื้อแล้วไปกู้เงินเพื่อมาซื้อเป็นบ้านหลังที่4 5 6 จุดประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้อย่างอื่น แต่ควรให้เฉพาะกลุ่มคนที่ซื้อบ้านหลังแรก หรือหลังที่2 เพื่ออยู่อาศัย เพราะบ้านหลังแรกอยู่ไกลจากที่ทำงานหรือสถานที่ศึกษาของลูกหลาน ดังนั้นมาตราการแอลทีวีที่ออกมาจึงไม่ควรที่จะเหวี่ยงแหอาจมีการผ่อนผันบางจุดหรือเพิ่มบางจุดเพื่อให้เกิดความสมดุล