ศุภาลัยเร่งสปีดสร้างนิวไฮประเดิม42โครงการ5หมื่นลบ.ดันรายได้3.6หมื่นลบ.
เปิดแผนปี 2567 “ศุภาลัย” พี่ใหญ่วงการอสังหา เตรียมเปิดโครงการใหม่รวม 50,000 ล้านบาท นิวไฮรอบ 35 ปี ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท โดยยังเน้นจุดแข็งความเป็นผู้นำในตลาดภูธร รุก 3 จังหวัดใหม่พร้อมให้น้ำหนักกับโครงการแนวราบระดับกลาง-บนรวมทั้งตลาดต่างประเทศเพื่อลดเสี่ยงขยายฐาน
Key Points:
- แนวโน้มตลาดอสังหาในปี 2567 มีหลายปัจจัยทั้งแง่ลบและแง่บวก ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ย ซัพพลายคอนโดล้นตลาด ปัญหาหนี้ครัวเรือน โครงสร้างครอบครัวคนไทยเล็กลง สิ่งแวดล้อม การขยายตัวโครงสร้างพื้นฐาน
- การกลับมาของดีมานด์ต่างชาติและกำลังซื้อที่ฟื้นตัวหลังจากจีดีพีปี66 โตแค่1.8%
ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) มองว่า เศรษฐกิจ และอสังหาฯ ปีนี้มีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้น จากอัตราดอกเบี้ยขาลง เงินเฟ้อเริ่มคงที่ ท่องเที่ยวและการส่งออกดีขึ้น การลงทุนมากขึ้น และจะเป็นอีกปีที่มีทั้งการแข่งขันเปิดตัวโครงการใหม่ และบางรายชะลอการเปิดตัว
“ธุรกิจอสังหาฯ ปีนี้มั่นใจว่าจะขับเคลื่อนไปต่อได้ เป็นผลมาจากการปรับตัวของผู้ประกอบการ ความต้องการสินค้าที่อยู่อาศัยโครงการแนวราบยังขยายตัวได้ดีโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าระดับกลาง - บน ขณะที่คอนโดเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวในทำเลศักยภาพ”
หากรัฐบาลสามารถทำให้ดอกเบี้ยต่ำ ภาษีต่ำ จะทำให้กำลังซื้อฟื้นตัวเร็วขึ้น เพราะดอกเบี้ยผกผันกับกำลังซื้อและค่าเงินอ่อนส่งผลให้ส่งออกดีขึ้น
ส่วนภาพรวมศุภาลัย จะเป็นปีแห่งการขยายศักยภาพในทุกมิติ โดยการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ถือเป็นปีที่มีแผนเปิดตัวมากที่สุด มูลค่าสูงสุด และมีเป้ายอดขายสูงสุด มูลค่าโครงการโอนกรรมสิทธิ์มากที่สุด สะท้อนได้จากการพัฒนาโปรดักส์ใหม่ แบบบ้านใหม่ คุณภาพสินค้า และนวัตกรรมที่อยู่อาศัยรักษ์โลก รวมทั้งลงทุนในทำเลใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าและตลาดครอบคลุม 29 จังหวัด โดยตั้งตั้งแต่ก่อตั้งถึงปัจจุบันเปิดตัวแล้ว 441 โครงการ
นอกจากนี้ยังลงทุนต่อเนื่องในออสเตรเลียโดยร่วมมือกับ Stockland Communities Partnership HoldCo Pty Ltd ตั้งกิจการร่วมค้าในชื่อ “SSRCP HoldCo Pty Ltd” เงินลงทุนเพิ่ม 12,600 ล้านบาท เพื่อพัฒนา12 โครงการมูลค่า 137,700 ล้านบาทใน 4 รัฐ 5 เมืองสำคัญ ทำให้ปัจจุบันบริษัทได้พัฒนารวม 24 โครงการ มูลค่า 187,700 ล้านบาท คิดเป็นเม็ดเงินทุนรวมศุภาลัย 22,300 ล้านบาท และสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้
“ทิศทางการดำเนินธุรกิจปีนี้ตั้งเป้าใหม่ All-Time High ทั้งการเปิดตัว 42 โครงการ มูลค่า 50,000 ล้านบาทสูงสุดเป็นประวัติการณ์ส่วนยอดขายและรายได้ 36,000 ล้านบาทเท่ากัน งบการจัดซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท”
ส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบ 38 โครงการ มูลค่า 43,500 ล้านบาท ส่วนคอนโดมี 4 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาท และเปิดตลาดต่างจังหวัดเพิ่ม 3 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง ราชบุรี ลพบุรี
ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทเตรียมบุกตลาดเต็มที่ โดยเฉพาะโครงการแนวราบ เริ่มตั้งแต่ไตรมาสแรก 14 โครงการ มูลค่า 14,990 ล้านบาท พร้อมเจาะลูกค้าระดับบนเพิ่มแชร์ตลาดบ้านเดี่ยวราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายมากขึ้น 56% จากปีที่ผ่านมา รวมทั้งการกลับมารุกตลาดคอนโดอีกครั้ง ด้วยการพัฒนาฟังก์ชั่นและดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในราคาที่คุ้มค่า
นอกจากนี้ยังร่วมกับพันธมิตรจัดแคมเปญ เช่น จ่ายดอกเบี้ยปีแรก 0% ดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สู่เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% ภายในปี 2573 จาก BAU (Business As Usual)
“ปีนี้ เปิดตัวขั้นต่ำ42โครงการรองรับ3ไตรมาสแรก ส่วนไตรมาส4 เพิ่มขึ้นอีกตามแผนการขยายธุรกิจเชื่อว่าจะสามารถทำลายสถิติได้ เนื่องจากไตรมาสแรกสามารถเปิดตัวโครงการสูงกว่าปีที่ผ่านมารวมทั้งยอดขายที่จะเกิดขึ้นในครึ่งปีแรกจะสูงกว่ายอดขายในปี2566 ซึ่งมาจากโครงการบ้านและยอดโอนคอนโด 6 โครงการ”
สำหรับปี 2566 บริษัทมียอดขายในประเทศ 28,864 ล้านบาท เปิดตัวโครงการใหม่ทั้งแนวราบและคอนโด 26 โครงการ มูลค่า 29,640 ล้านบาท
