คอนโด-วิลล่าเปิดขายใหม่ภูเก็ตระอุซัพพลายนิวไฮ!ทะลุแสนล้าน!
“ภูเก็ต” จุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกปี 2565 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 8 ล้านคนเดินทางมาเยือนภูเก็ตในปี 2566 เป็นชาวรัสเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย ฮ่องกง และจีน หนุนอสังหาริมทรัพย์คอนโด-วิลล่าในภูเก็ตโตก้าวกระโดดซัพพลายนิวไฮ!ทะลุแสนล้าน
ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า ภูเก็ตมีอุปทานเปิดขายใหม่ 10,000 ยูนิต เข้าสู่ตลาดทั้งในส่วนคอนโดมิเนียมและวิลล่า ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 100,000 ล้านบาท! ถือเป็นอุปทานเปิดขายใหม่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาของจังหวัดภูเก็ต
โดยพบว่า ผู้พัฒนารายใหญ่จากกรุงเทพฯ และผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่ต่างเปิดตัวโครงการใหม่อย่างคึกคัก หลายโครงการ “ปิดการขาย” ได้อย่างรวดเร็ว โดยถูกดูดซับออกไปด้วยกำลังซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะกำลังซื้อรัสเซีย
ยิ่งภูเก็ตฝั่งตะวันตก ทำเลย่านบางเทา เชิงทะเล และพื้นที่โดยรอบลากูน่าเป็นทำเลยอดนิยมที่ต่างชาติและชาวไทยให้ความนิยม เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงทุนสูง บางโครงการปล่อยเช่าได้สูงกว่า 1,000-1,200 บาทต่อตารางเมตร เทียบเท่าการลงทุนในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน
แน่นอนว่า ตลาดอสังหาฯ ที่เติบโตอย่างรวดเร็วส่งผลให้ราคาที่ดินในพื้นที่เกาะภูเก็ตปรับตัวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด!
ทั้งนี้ ทำเลยอดนิยม บางเทา เชิงทะเล และพื้นที่โดยรอบลากูน่า พบว่าที่ดินที่อยู่ในระยะห่างไกลจากทะเล มีราคาเสนอขาย ไร่ละ 25-40 ล้านบาท ที่ดินที่ใกล้ทะเล หรือ ติดชายหาดมีราคาเสนอขายที่สูงกว่า 100 ล้านบาทต่อไร่ ส่งผลให้ผู้พัฒนารายเล็กในพื้นที่หาที่ดินนำมาพัฒนาโครงการใหม่ได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากไม่สามารถสู้กับผู้พัฒนารายใหญ่ที่มีต้นทุนที่ดีกว่าได้
แนวโน้มดังกล่าวคาดการณ์ว่าตลาดอสังหาฯ ในภูเก็ตจะยังคงคึกคักต่อเนื่องในปี 2567 เพราะมีผู้พัฒนารายใหญ่จากกรุงเทพฯ และทุนใหญ่ในพื้นที่เปิดตัวโครงการต่อเนื่อง มี “Branded Residence” อย่าง The Standard Residences Phuket Bangtao รวมถึงดีเวลลอปเปอร์จำนวนมากเข้ามาเปิดตัวโครงการในย่านบางเทา เชิงทะเล รอบลากูน่า รวมทั้งหาดกมลา ที่โครงการใหญ่จะกลับมาขายอีกครั้งในราคายูนิตสูงกว่า 1,000 ล้านบาท
จากข้อมูลอุปทานคอนโดที่เปิดขายใหม่ในแต่ละปีในภูเก็ตช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีโครงการคอนโดเปิดขายใหม่ 32,163 หน่วย โดยปี 2566 อุปทานเปิดขายใหม่คอนโด 36 โครงการ 8,743 ยูนิต มูลค่าลงทุนรวม 49,559 ล้านบาท เป็นอุปทานเปิดขายใหม่ของตลาดคอนโดสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในเกาะภูเก็ต จากผู้พัฒนาทั้ง แสนสิริ แอสเซทไวส์ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ฮาบิแทท กรุ๊ป
จากปกติคอนโดเปิดขายใหม่แต่ละปีมีเพียง 2,000 -3,000 ยูนิตเท่านั้น เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น บวกกับโครงการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนเป็นเสมือนแรงผลักดันสำคัญทำให้ตลาดคอนโดภูเก็ตเติบโตก้าวกระโดด คาดปี 2567 จะมีคอนโดเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดอีกกว่า 4,500 ยูนิต
หลังจากปี 2566 ที่ผ่านมา พบว่ามีอุปทานคอนโดที่อยู่การขายทั้งหมด 75 โครงการ 22,253 ยูนิต ขายไปแล้ว 14,484 ยูนิต หรือ 65% มีหน่วยขายรอการระบาย 7,769 ยูนิต คิดเป็น 34.9% มีอัตราดูดซับเฉลี่ยต่อเดือนสูง 5.4% ยิ่งคอนโดราคา 1-2 ล้านบาทต่อยูนิตมีอัตราการดูดซับ 9.9% สูงกว่าตลาดคอนโดในกรุงเทพฯ
สำหรับอุปทานเปิดขายใหม่ของวิลล่าในภูเก็ตปี 2566 เติบโตก้าวกระโดดเช่นเดียวกัน มีอุปทานเปิดขายใหม่ 61โครงการ 1,108 ยูนิต มูลค่ากว่า 51,002 ล้านบาท ถือเป็นอุปทานเปิดขายใหม่สูงสุดเท่าที่เคยมีมาของภูเก็ตเช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของเกาะ ทำเลย่านบางเทา เชิงทะเล และพื้นที่โดยรอบลากูน่า ผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ โฮเท็ล รวมถึงผู้พัฒนารายใหญ่จากกรุงเทพฯ อาทิ แสนสิริ แอสเซทไวส์ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ฮาบิแทท กรุ๊ป รวมถึง ไซมิส แอสเสท สนใจเข้าไปพัฒนาโครงการเพื่อรองรับกำลังซื้อรัสเซียที่เข้ามา
“ภาพรวมตลาดวิลล่าในภูเก็ตปี 2566 มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 107 โครงการ 2,316 ยูนิต ขายแล้ว 1,220 ยูนิต เหลือ 1,096 ยูนิต ได้ความสนใจจากกำลังซื้อต่างชาติเป็นอย่างมาก รวมถึงกลุ่มลูกค้าคนไทยทั้งจากกรุงเทพฯ และในพื้นที่ ลูกค้าจากยุโรป เช่น เยอรมนี เดนมาร์ก รวมทั้งในเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ คาดตลาดวิลล่าและคอนโดในภูเก็ตยังคงคึกคักต่อเนื่องในปี 2567 ”
โดยเฉพาะทำเลย่านบางเทา เชิงทะเล พื้นที่รอบลากูน่า และกมลา โดดเด่นเป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่เน้นการขายแบบการันตีค่าเช่า มีทั้ง 5% 3 ปี หรือ 7% 3 ปี แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่ทุกโครงการมียอดขายจากต่างชาติ 49% เต็มทุกโครงการ แต่หากมีลูกค้าชาวต่างชาติสนใจเพิ่มก็จะขายแบบเช่าระยะยาว 30+30+30 ปี เพื่อเปิดโอกาสการขายที่เพิ่มขึ้นสำหรับชาวต่างชาติที่กำลังซื้อโดดเด่น