จับตานายกฯส่งมาตรการQuick Winกระตุ้นอสังหาฯขับเคลื่อนจีดีพีประเทศ

    จากการที่ การสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)หรือสภาพัฒน์ ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 67 เหลือโต 2.2-3.2% จากเดิมคาดโต2.7-3.7% หลังภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2566 ขยายตัวได้ 1.9% ชะลอตัวลงจากการขยายตัว 2.5% ในปี 2565 กลายเป็นแรงผลักทำให้รัฐบาลนายกฯ เศรษฐา เร่งส่งมาตรการQuick Winเข้ามากระตุ้นภาคอสังหาฯถือเป็น Growth Engine หรือ เป็นเครื่องยนต์ที่ 5 ในการขับเคลื่อนจีดีพีของประเทศนอกเหนือจาก 4 เครื่องยนต์เดิมที่มีอยู่ ได้แก่ การลงทุน การบริโภค การท่องเที่ยว และการส่งออก เพราะมีสัดส่วนถึง 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่พอที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้

นายวัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี  กล่าวว่า ขณะนี้เรามีนายกรัฐมนตรีที่รู้เรื่องอสังหาฯดีที่สุดของเมืองไทย ท่านรู้ดีว่า อสังหาฯเติบโตดีไม่ดีและควรกระตุ้นอย่างไร ปีที่แล้วจีดีพีแตะที่1.8 % ปีนี้ตั้งเป้า2.5% แต่ไตรมาสแรกปี2567 เริ่มปรับลดจีดีพีลง

ปกติอสังหาฯจะเติบโตได้โดยไม่ต้องกระตุ้นเรื่องอะไรเลยนอกจากการกระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจก็คือรายได้ของคนในประเทศดีแต่การที่จีดีพี โต 1.8% อสังหาฯโตต่อไม่ได้เพราะอสังหาฯโตตามจีดีพี

 

"ถ้าจีดีพีโต1% อสังหาจะโต1.5 เท่า อดีตช่วง10ปีที่ผ่านมาจีดีพีโต7-8%  อสังหาโต10-15% ช่วงนั้นทำอะไรออกมาขาย ขายได้หมด ความรู้ไม่ต้องมาก ทำเลไม่ต้องเนี้ยบ ก็ขายดิบขายดี แต่นั้นเป็นอดีต "

 นายทายาท กาญจนะจิตรา นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ระยอง กล่าวว่า  ท่านนายกฯ บอกว่า อำนาจท่านแค่กระทรวงการคลัง ทำได้แค่นั้น ส่วนอื่นไม่สามารถก้าวล่วงได้ หากเข้าไปจะกลายเป็นเข้าข้างตนเอง แต่เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แต่เป็นแสงอะไรยังตอบไม่ได้

เชื่อว่าหากมาตรการกระตุ้นต่างๆทยอยออกมาตามที่3 สมาคมอสังหาฯขอไป อาทิ ปรับหลักเกณฑ์มูลค่าการซื้อที่อยู่อาศัยจากราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทเป็นไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือให้สิทธิ์การลดหย่อน 3 ล้านบาทแรกเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้ที่มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยที่สูงกว่า3ล้านบาทหรือการลดดอกเบี้ย หากทำได้จะทำให้ภาคอสังหาฯและเศรษฐกิจดีขึ้น  

นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรีกล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาลไหนพูดถึงจีดีพีประเทศที่โตได้จากการขับเคลื่อนอสังหาฯ ส่วนใหญ่มักจะพูดถึงเครื่องยนต์หลัก คือ การส่งออก ท่องเที่ยว การลงทุนเอกชน การบริโภค แต่ไม่พูดถึงอสังหาฯ

 แต่รัฐบาลชุดนี้ออกมาพูดแล้วว่า อสังหาฯ เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนจีดีพี ประเทศ ท่านนายกฯ บอกว่า น่าจะมีข่าวดีเร็วๆนี้ รวมถึงการปรับระเบียบกฏเกณฑ์การจัดสรรที่มีมาตั้งแต่ปี2543 

นายทายาท  กล่าวว่า  ถือเป็นข่าวดี ทำให้เกิดการซื้อขายมากขึ้น เพราะการที่ดินแปลงใหญ่ต้นทุนสูง ดังนั้นการลดขนาดที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและพาณิชยกรรมลง เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจขนาดของครอบครัวรวมถึงความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชน ด้วยการแก้กฏหมายจัดสรรที่ดิน ล่าสุดได้เข้าคณะกรรมการจัดสรรกลางไปแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาคาดว่า ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6เดือน

"เท่าที่ฟังท่านนายกฯอยากจะช่วยอสังหาฯ แต่บางอย่างติดไม่มีอำนาจเรื่องยังค้างอยู่ แต่ถ้าอันไหนที่อยู่ในอำนาจคลังน่าจะจะได้รับการพิจารณาเราน่าจะได้รับข่าวดีในเร็วๆนี้ ส่วนที่เหลือคงต้องฝากความหวังไว้กับการตัดสินใจของแบงก์ชาติ"

นายวัฒนพล กล่าวต่อว่า  ตั้งแต่ต้นปี2567ที่ผ่านมา  3สมาคมอสังหาฯ ได้ยื่นข้อเสนอมาตรการต่างๆในการฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์และภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลายข้อ หนึ่งในนั้นคือขอลดขนาดที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและพาณิชยกรรมลง

ท่านนายกฯ รับฟัง รวมทั้งการผ่อนปรนมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยหรือมาตรการ LTV ท่านนายฯ เห็นด้วยว่า ยุคนี้ไม่มีการซื้อเก็งกำไรแล้ว แต่ไม่ได้อยู่ในอำนาจท่านนายกฯ เป็นอำนาจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)รวมถึงเรื่องดอกเบี้ย 

ส่วนเรื่องลดค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมจากอัตราร้อยละ 2 เป็นร้อยละ 0.01 และค่าจดทะเบียนการจำนองจากอัตราร้อยละ 1 เป็นร้อยละ 0.01 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ให้เฉพาะราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท น่าจะขยับขึ้นไปเป็นไม่เกิน 5 ล้านบาท ทางรัฐบาลรับเรื่องไว้แล้ว คาดว่า อาจเป็นไตรมาส2 น่าจะเห็นมาตรการเหล่านี้ออกมาช่วยกระตุ้นอสังหาฯ

ส่วนเรื่องของมาตรการซื้ออสังหาฯของชาวต่างชาติ นั้น ทางสมาคมอสังหาฯพยายามผลักดันตั้งแต่รัฐบาลชุดที่ผ่านมาไม่ตอบโจทย์ ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ขอไป เราเสนอให้ต่างชาติซื้อที่ดินในบ้านจัดสรรนอกจัดสรรไม่ได้ที่ดิน1ไร่ในเขตเทศบาลจึงไม่ตรงวัตถุประสงค์

"เรื่องนี้นายกฯเศรษฐา มองว่า ความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เห็นด้วย ตรงนี้อาจเปลี่ยนเป็นจากการเช่ายาวขึ้นจาก30ปีเป็น 99ปีแทน"