ภูเก็ตไม่แผ่ว! ลงทุนไตรมาสแรก3.4หมื่นล.แซงกทม. 'คอนโด-วิลล่า’บูมต่อ

ภูเก็ตไม่แผ่ว! ลงทุนไตรมาสแรก3.4หมื่นล.แซงกทม. 'คอนโด-วิลล่า’บูมต่อ

อสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ค่อนข้างซบเซา สังเกตจากการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ในกรุงเทพฯ ไตรมาสแรกลดลงเหลือ 2,300 ยูนิต! สวนทางกับการเปิดตัวคอนโด -วิลล่าในภูเก็ตสูงขึ้นไตรมาสแรกเม็ดเงินลงทุน3.4หมื่นล้านแซงกทม.

ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ตไตรมาส 2 และช่วงครึ่งปีหลังยังคงคึกคักต่อเนื่อง อุปทานเปิดขายใหม่จากดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และผู้ประกอบการในพื้นที่มีในหลายพื้นที่ เพื่อรองรับความต้องการคอนโดมิเนียมและวิลล่าเพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2 หรือเพื่อการลงทุนของทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติส่งผลให้สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว

“ไตรมาสแรกที่ผ่านมา พบว่ามีอุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ 12 โครงการ 3,338 ยูนิต มูลค่ารวมสูงถึง 25,059 ล้านบาทจากเดิมจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่แต่ละปีในภูเก็ตเฉลี่ย 2,000-3,000 ยูนิตเท่านั้น”
 

เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นส่งผลให้กำลังซื้อฟื้นตัวเร็ว! ประกอบกับมีการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนจึงเป็นแรงผลักดันที่สำคัญให้ตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตเติบโตแบบก้าวกระโดด คาดว่าปี 2567 จะมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดอีกกว่า 8,500 ยูนิต!! เพราะมีอัตราการดูดซับเฉลี่ยต่อเดือนถึง 5.8%  หากเป็นคอนโดมิเนียมราคา 3-5 ล้านบาทต่อยูนิต มีอัตราการดูดซับเฉลี่ยต่อเดือนสูง 6.5%

ภูเก็ตไม่แผ่ว! ลงทุนไตรมาสแรก3.4หมื่นล.แซงกทม. \'คอนโด-วิลล่า’บูมต่อ

สำหรับอุปทานแต่ละปีในภูเก็ตช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ 35,501 ยูนิต ในไตรมาสแรกปีนี้ มีอุปทานคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขาย 87 โครงการ 25,591 ยูนิต ขายแล้ว 16,905 ยูนิต คิดเป็น 66% มีหน่วยขายรอการระบาย 8,686 ยูนิต คิดเป็น 33.95%  โดยดีเวลลอปเปอร์ส่วนใหญ่นิยมพัฒนาโครงการในพื้นที่ฝั่งตะวันตกมากที่สุด ในทำเลบางเทา เชิงทะเล รอบลากูน่า และกมลา
 

อุปทานเปิดขายใหม่ของวิลล่า ไตรมาสแรกที่ผ่านมาเติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นกัน มีอุปทานเปิดขายใหม่ถึง 10 โครงการ 237 ยูนิตมูลค่าลงทุน 9,500 ล้านบาท สูงสุดในรอบ10 ปี ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของเกาะ โดยเฉพาะทำเลย่านบางเทา เชิงทะเล และพื้นที่โดยรอบลากูน่า พบว่า มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 117 โครงการจากยูนิตขายทั้งหมด 2,545 ยูนิต  สามารถขายออกไปแล้ว 1,220 ยูนิต เหลือยูนิตรอการขาย 1,382 ยูนิต

โดยพบว่ามีสัดส่วนกว่า 98% เป็นบ้านเดี่ยว ราคาต่ำกว่า 30 ล้านบาทต่อยูนิตเป็นส่วนใหญ่ คิดเป็นสัดส่วน 39.89% ตามมาด้วยราคา 30-50 ล้านบาท 41% ราคา 30-50 ล้านบาท สัดส่วน 37% และพบว่ามากกว่า 46% เป็นรูปแบบ 3 ห้องนอน และมีพื้นที่ใช้สอย 300-500 ตารางเมตร ได้ความสนใจจากกำลังซื้อต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มยุโรป เช่น เยอรมนี เดนมาร์ก รวมทั้งลูกค้าเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง และ สิงคโปร์ รวมถึงกลุ่มลูกค้าคนไทยจากกรุงเทพฯ และคนในพื้นที่

 “วิลล่าหลายโครงการสามารถปิดยอดการขายได้มากกว่า 80% หลังจากการเปิดขาย ส่วนใหญ่ถูกเหมาซื้อไปโดยกำลังซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารัสเซียที่ซื้อเพื่อการลงทุนและการอยู่อาศัย”

ภัทรชัย ประเมินว่า ตลาดคอนโดมิเนียมและวิลล่าในภูเก็ตจะยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่องในปี 2567  ช่วงไตรมาสแรก มีคอนโดมิเนียมและวิลล่าใหม่ 3,500 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 34,559 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี ส่วนใหญ่เน้นการขายแบบการรันตีค่าเช่า เริ่มตั้งแต่ 5% ใน 3 ปี หรือ 7% ใน 3 ปี แตกต่างกันไป ซึ่งส่วนใหญ่ทุกโครงการมียอดขายของต่างชาติ 49% ค่อนข้างเต็มทุกโครงการ

 แต่หากมีลูกค้าชาวต่างชาติสนใจเพิ่มเติมก็จะขายแบบเช่าระยะยาวแบบ 30+30+ 30 ปี เพื่อเป็นการเปิดโอกาสการขายที่เพิ่มขึ้นสำหรับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่กำลังซื้อหลักของตลาดภูเก็ต!