สุขภัณฑ์5หมื่นล้านเดือดรับศก.ฟื้น ‘ลิกซิล’ชู3แบรนด์รับเมกะเทรนด์
“ลิกซิล” ส่ง 3 แบรนด์หลักอเมริกันสแตนดาร์ด โกรเฮ่ และ อิแนกซ์ รับดีมานด์ลูกค้าแบบครบวงจรรับศก.ฟื้น ระบุตลาดสุขภัณฑ์5หมื่นล้านเดือด!
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว ส่งผลตลาดเครื่องสุขภัณฑ์เติบโตตาม ยิ่งหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขอนามัยมากขึ้น และมองหาสุขภัณฑ์อัจฉริยะ
ออดรีย์ โหย่ว ลีดเดอร์ เอเชียแปซิฟิก ธุรกิจเทคโนโลยีการใช้น้ำ ลิกซิล กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดสุขภัณฑ์ในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท แม้อยู่ในขั้นเติบโตเต็มที่ (Maturity) แต่ยังมีความสามารถเติบโตไปได้อีก
“ตลาดประเทศไทยมีการแข่งขันสูงทั้งแบรนด์โลคัลและแบรนด์อินเตอร์ที่เข้ามาทำตลาด ประกอบกับเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว นักท่องเที่ยวกลับมาเยือนไทยมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรม การท่องเที่ยวฟื้นตัว รวมทั้งมีกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ หรือ เมดิคัลฮับเข้ามามากขึ้น”
ขณะเดียวกัน ตลาดสุขภัณฑ์ยังเติบโตตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งคอนโดมิเนียม บ้าน อาคารสำนักงาน ฯลฯ รวมทั้งการปรับปรุงที่อยู่อาศัย ส่งผลให้ตลาดสุขภัณฑ์ในประเทศกลับมาคึกคัก โดยเฉพาะหลังโควิด-19 จากการสำรวจพบว่า คนเริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องสุขอนามัยมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดสุขภัณฑ์อัจฉริยะ (Smart Toilet) ที่ลดการสัมผัส เติบโตมากขึ้น
ปัจจุบันบริษัทมี 3 แบรนด์หลักทำตลาด ประกอบด้วย แบรนด์อเมริกันสแตนดาร์ด (American Standard) ที่ตอบโจทย์ความต้องการตลาดทั่วไป (Mass) เป็นแบรนด์ที่คนไทยคุุ้นเคยมานาน แบรนด์โกรเฮ่ (GROHE) จับกลุ่มพรีเมียมไปจนถึงลักชัวรี และ แบรนด์อิแนกซ์ (INAX) สุขภัณฑ์จากประเทศญี่ปุ่น รองรับการพัฒนาโครงการระดับลักชัวรี แบบ B2B (Business-to Business) ทั้ง 3 แบรนด์มีจุดขายและกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันชัดเจนถือเป็นจุดแข็งของลิกซิลครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับจุดเด่นของแบรนด์อเมริกันสแตนดาร์ด มีฟังก์ชั่นที่่ตอบโจทย์ลูกค้าในราคาเข้าถึงได้ ล่าสุดได้ปรับสโลแกนใหม่สื่อถึงคุณค่าของแบรนด์ว่า “LIFE. LOVE. HOME” ปัจจุบันมีจำนวนคนใช้ผลิตภัณฑ์อเมริกันสแตนดาร์ดทั่วโลก 1,000 ล้านคนทุกวัน ส่วนแบรนด์อิแนกซ์ถือเป็นน้องใหม่ในตลาดไทย โฟกัสโครงการระดับลักชัวรี แบบ B2B ถือเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งมากในญี่ปุ่นเจาะกลุ่มไฮเอนด์
ออดรีย์ กล่าวว่า กลยุทธ์การทำตลาดของบริษัทมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นสอดรับเมกะเทรนด์ ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าทำให้ผู้ประกอบการเน้นนำนวัตกรรมและโซลูชันมา “ต่อยอด” เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย
โดย 3 เมกะเทรนด์สำคัญขณะนี้ ได้แก่ 1.ความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) ด้วยการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในบ้านให้มีความสุข ในห้องน้ำ 2.ความยั่งยืน (Sustainability) ด้วยการนำเสนอวัสดุ ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความยั่งยืน อาทิ มาตรฐาน LEED Certification และ 3.การขยายตัวของความเป็นเมือง (Urbanization) โดยการพัฒนาโชว์รูมที่ ออล ซีซั่นส์ เพลส รองรับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง เจ้าของโครงการ เข้ามาสัมผัสประสบการณ์โดยตรง
เรือธงกลุ่มผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีไร้สัมผัสและโซลูชัน IoT รองรับ Customer Journey ของลูกค้า จะช่วยผลักดันยอดขายสิ้นปีนี้เติบโต 10%
ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานในย่านรังสิตผลิตสุขภัณฑ์แบรนด์ อเมริกันสแตนดาร์ด โรงงานที่ระยองผลิตสินค้าแบรนด์ อเมริกันสแตนดาร์ด และโกรเฮ่ ทั้ง 2 โรงงานผลิตสินค้าหลากชนิด อาทิ ผลิตภัณฑ์สำหรับห้องน้ำ อ่างล้างมือ ผลิตภัณฑ์สำหรับห้องอาบน้ำ เช่น ฝักบัว และสายชำระ ป้อนตลาดในประเทศ 50% ต่างประเทศ 50%