บริทาเนียปรับพอร์ต!ฝ่าปัจจัยลบ ‘เบรกทาวน์โฮม’หันรุกบ้านลักชัวรี
ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาสแรกที่ผ่านมา ทุกสินค้า ทุกระดับราคา เผชิญภาวะ “ติดลบ” ยกเว้นที่อยู่อาศัยราคาสูงกว่า 50 ล้านบาท! ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายเบรกการลงทุนโครงการระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท เพื่อหนีปัญหารีเจ็กต์เรตหันรุกบ้านลักชัวรี
ธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แปรผันตรงกับสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม หากเศรษฐกิจดี ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะดีตามไปด้วย หากเศรษฐกิจตึงตัว โตต่ำ อสังหาริมทรัพย์จะได้รับผลกระทบไปด้วย
โดยปี 2567 มีหลายปัจจัยกดดัน! โดยเฉพาะเศรษฐกิจโตต่ำมาอย่างต่อเนื่อง ไตรมาสแรกขยายตัวเพียง 1.5% และหลายสำนักเศรษฐกิจคาดการณ์จีดีพีปีนี้เติบโตในระดับ 2.5-2.6% เท่านั้น! นอกจากนี้มีปัจจัยกดดันจากกำลังซื้อชะลอตัว ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง 91.3% มีผลต่อความสามารถในการผ่อนชำระและการเข้าถึงสินเชื่อใหม่ อัตราดอกเบี้ยที่คงตัวในระดับสูง รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น ทั้งค่าวัสดุและค่าแรงที่ปรับสูงขึ้น
"ปัจจัยลบกดดันตลาดอสังหาริมทรัพย์ไตรมาสแรกยอดขายชะลอตัว 26.6% โดยเซกเมนต์กลาง-ล่างที่มีความเปราะบางเรื่องกำลังซื้อ และความสามารถในการเข้าถึงสินเชื่อมีผลกระทบมากที่สุด ซึ่งจากประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในวงการอสังหาริมทรัพย์ยอมรับว่าปีนี้เป็นอีก 1 ปีที่ท้าทายธุรกิจอย่างมากนับจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 และวิกฤติโควิด-19 ปี 2563-2564"
โดยกลยุทธ์ฝ่าปัจจัยลบครึ่งปีหลังของ “บริทาเนีย” มีการปรับแผนลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ด้วยการ “ปรับพอร์ต” เน้นเซกเมนต์กลาง-บนมากขึ้น! มุ่งเปิดโครงการบ้านลักชัวรีระดับราคา 20-50 ล้านบาทที่มีศักยภาพเติบโต ผ่านแบรนด์ “เบลกราเวีย” พร้อมเลื่อนเปิดโครงการทาวน์โฮม “ไบรตัน” ระดับราคา 2.5-4 ล้านบาท 1 โครงการ มูลค่า 750 ล้านบาทออกไปก่อนจนกว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น
“ตลาดกลาง-ล่าง บ้านราคาต่ำกว่า 3-5 ล้านบาทได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจึงต้องมีการปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป”
แม้จะมีความกังวลว่าตลาดบ้านลักชัวรีจะเข้าสู่ภาวะ “โอเวอร์ซัพพลาย” แต่ ธีรเดช กลับมองว่า อัตราการดูดซับยังดีอยู่ ประกอบกับ ทุกโครงการของบริทาเนีย ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ ใกล้ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่สำคัญ บ้านระดับลักชัวรีมีจำนวนยูนิตน้อย
สำหรับภาพรวมตลาดครึ่งปีหลังมองว่าเริ่มมีสัญญาณบวก! จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว การเร่งใช้งบประมาณของรัฐบาล แนวโน้มการเข้ามาลงทุนต่างชาติ มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง
ธีรเดช กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์เซกเมนต์ลักชัวรี บริเวณส่วนต่อขยายโซนตะวันออกอย่าง พระรามเก้า กรุงเทพ-กรีฑา และโซนตะวันตก เช่น พระราม5-นครอินทร์, ทวีวัฒนา, บรมราชชนนี ยังคงเป็นทำเลที่ไปได้ดีในระดับราคา 20-100 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในโซนตะวันออก 31% โซนตะวันตก 26% และกรุงเทพฯ ชั้นใน 25% แม้ดีมานด์จะเริ่มชะลอตัวลงบ้างในบางทำเล แต่เวลาในการดูดซับยังค่อนข้างดีเฉลี่ย 2-3 ปี
สังเกตได้จากโครงการ เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ พูลวิลล่า พระราม 9 เป็นโครงการแรกที่ขายในระดับราคา 20-30 ล้านบาทปรากฏว่า ได้การตอบรับเป็นอย่างดี ปัจจุบันเหลืออยู่ไม่ถึง 30 หลัง โดยแบบบ้านที่มีพูลวิลล่า เหลือ 3 ยูนิต คาดหมดภายในปีนี้ และเตรียมเปิดตัวแบบบ้านใหม่ไตรมาส 3
พร้อมกันนี้ ได้เปิดโครงใหม่โซนกรุงเทพฯ ตะวันตก 2 ทำเล เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ ราชพฤกษ์-พระราม 5 และ เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ ปิ่นเกล้า-พระบรมราชชนนี แนวคิด “Luxurious Life Every Day” มีฟังก์ชันรองรับการอยู่อาศัยทุกวัยด้วยนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย เช่น รองรับ EV Charger, Solar Roof Top, Passive Airflow สนนราคา 30-50 ล้านบาท
“เรายังคงเดินหน้าปรับตัวให้สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจ บริหารความเสี่ยง เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน”
โดยผลการดำเนินงานไตรมาส แรกที่ผ่านมา มีรายได้ 1,269 ล้านบาท กำไรสุทธิ 296 ล้านบาท รักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ในระดับ 30% เป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น