บิ๊กอสังหาฯ แสนสิริ-เสนาเคลื่อนESGเพิ่มขีดแข่งขัน รับมือวิกฤติไร้รูปแบบ
บิ๊กอสังหาฯ แสนสิริ-เสนา ชูแนวคิดเคลื่อนESGเพิ่มขีดแข่งขันเพื่อรับมือวิกฤติไร้รูปแบบไม่มีสัญญาณบ่งชี้หลังแลนด์สเคปอสังหาริมทรัพย์เปลี่ยนไป
KEY
POINTS
- เมื่อโลกให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ทำให้เกิดกฎระเบียบเพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีร่วมลดโลกร้อน
- ผ่านแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน หรือ ESG (Environment-Social-Governance) ซึ่งย่อมาจาก สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social ) และ ธรรมาภิบาล (Governance)
- หนึ่งในเมกะเทรนด์สำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่นำมาร่วมขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำจรดปลายน้ำ
เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วิกฤติเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร ที่สำคัญเป็นวิกฤติที่ไร้รูปแบบ (crisis unshaped & unformed) ไม่มีตัวบ่งชี้ (indicator) อะไรที่จะมาบอกล่วงหน้าได้! ดังนั้นแนวทางรับมือ คือการต้องปรับและเตรียมตัวเองให้พร้อมรับมือกับวิกฤติไร้รูปแบบให้ทัน เพราะสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนก็คือการตอบสนองของคนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"ปัจจุบันทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป! อย่าเสียเวลาวิตกกังวลสู้ทำตัวเองให้แข็งแรงดีกว่าเพราะสุดท้ายจะทำให้องค์กรสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนโดยผ่านการทำเรื่องของ ESG และ Green"
สิ่งที่เรียนรู้จากการทำงานร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่น ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นเป็นข้อบังคับ ถ้าไม่ทำก็โดนปรับ แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการปรับ
“แต่ถึงแม้ไม่มีการบังคับให้ทำในเรื่อง ESG แต่เรามองเห็นเทรนด์ว่า ลูกค้ามีความต้องการจึงลงมือทำ เพราะมองว่า เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (Competitiveness) เป็นสิ่งที่โลกต้องการ ทำให้บริษัทเป็นพลเมืองบรรษัทที่ดี (Good Corporate Citizen)”
เสนาฯ จึงให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับแบรนด์มากขึ้น สร้างความแตกต่างให้กับบริษัทและสินค้า
ยกตัวอย่าง การนำ “โซลาร์เซลล์” มาติดตั้งให้กับโครงการที่อยู่อาศัยของเสนาฯ ถัดมาทำโครงการบ้านพลังงานเป็นศูนย์ เน้นการออกแบบ Passive และ Active ใช้ไฟฟ้าน้อยและประหยัดไฟได้สูงสุดถึง 38% โดยราคาบ้านไม่แพงขึ้น เพราะลูกค้าไม่มีกำลังจ่ายเพิ่ม แต่ยังคงต้องมีโลเคชั่น ฟังก์ชั่น ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่
ขณะเดียวกัน ทำให้ลูกค้าสามารถมีส่วนในการช่วยโลก รักษ์โลกด้วย ส่งผลดีต่อแบรนด์เสนาฯ สร้างความต่างและกลายเป็น “แบรนด์เลิฟ” ของลูกค้า ทำให้มีผลต่อการตัดสินซื้อของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นในกลุ่มสินค้าราคาไม่แพง หรือการแข่งขันรุนแรง จะเป็นปัจจัยหนึ่งทำให้ลูกค้าเลือกเสนาฯ
ทางด้าน อุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความยั่งยืน หรือ Sustainability กลายเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการสร้างแบรนดิ้งของแสนสิริ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการซื้อสินค้าจากคนดี เกี่ยวข้องกับเรื่อง ESG ประกอบไปด้วย Environment Social และ Governance เป็นตัวเสริม
“สมัยก่อนคนอาจมองแบรนดิ้ง คือ โลเคชั่น สินค้า การดีไซน์ การทำการตลาด แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปมากโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ให้ความสนใจและใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น”
ในเรื่องของ “ความยั่งยืน” แสนสิริให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งประกาศเป้าหมายที่จะก้าวไปสู่ Net-zero หรือองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2050 ผ่านกลยุทธ์ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เนื่องจากพบว่า จากงานวิจัยผู้บริโภคให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเพราะเกี่ยวข้องวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่
เริ่มต้นตั้งแต่ การออกแบบ จัดซื้อวัสดุก่อสร้าง กระบวนการจัดซื้อ จัดจ้าง ผู้รับเหมา ก่อสร้าง ตั้งโรงงานพรีแคสท์ผลิตแผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูปที่ใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งจะมีความแข็งแรงทนทาน ออกแบบมาเพื่อรับน้ำหนักตัวบ้านแทนเสาได้ จุดเด่นอยู่ที่สามารถย่นระยะเวลาการก่อสร้าง เนื่องจากผลิตสำเร็จรูปมาจากโรงงาน และมีมาตรฐานสูง ควบคุมคุณภาพได้ ลดการสูญเสียจากที่การก่ออิฐฉาบปูนที่หน้างาน
แม้กระทั่งพันธมิตรต่างๆ ที่ร่วมงาน แสนสิริ เพื่อเกิด Green Living Design ไม่ว่าจะเป็น บ้าน คอนโดมิเนียม หรือทาวน์เฮ้า เพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน สร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย เช่น Cool Living Designed Home นวัตกรรมบ้านเย็นช่วยประหยัดพลังงาน, Zero Waste Design การออกแบบที่คำนึงถึงการลดปริมาณขยะเหลือทิ้งให้มากที่สุด, Universal Design การออกแบบเพื่อให้ทุกคนที่อยู่อาศัยได้ใช้ประโยชน์
รวมทั้งการผสมผสานแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ให้มีอากาศบริสุทธิ์ สะอาดปราศจากเชื้อโรค และมีนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และรองรับการอยู่อาศัยของลูกบ้าน