3ภารกิจสุนทร สถาพรนายกส.บ้านจัดสรรชงแบงก์รัฐช่วยบ้านหลังแรก LTV ซอฟท์โลน
เปิด 3ภารกิจเร่งด่วน"สุนทร สถาพร"นายกสมาคมบ้านจัดสรรป้ายแดง วอนแบงก์รัฐช่วยบ้านหลังแรกเพื่อพิจารณาสินเชื่อแก่ผู้กู้ LTV ซอฟท์โลน แก้ปัญหา รีเจ็กต์เรต หนี้เสีย หวังช่วยคนที่ต้องการซื้อบ้านในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ลุ้นงบฯรัฐกระตุ้นจ้างงานปลุกกำลังซื้อครึ่งปีหลัง
หลังจากได้เลือกนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เมื่อวันศุกร์ (26 ก.ค.) ที่ผ่านมา ทางสมาชิกได้เลือกนายสุนทร สถาพร ขึ้นเป็นนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร คนที่12 ต่อจากนายวสันต์ เคียงศิริที่หมดวาระ
"สุนทร สถาพร" นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า หลังจากได้รับตำแหน่งมีวาระเร่งด่วน 3เรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผ่อนคลายความเดือนร้อนของคนที่ต้องการซื้อบ้านแต่เผชิญปัญหากู้ไม่ผ่านได้อย่างไรบ้าง
เรื่องแรกการเจรจากับสถาบันการเงินของรัฐ ให้พิจารณาผ่อนปรนกลุ่มที่เคลียร์หนี้สินสามารถปล่อยสินเชื่อได้ทันทีไม่จำเป็นต้องรอเป็นเวลานาน รวมทั้งพิจารณารายได้อื่นๆ นอกเหนือจากเงินเดือนประกอบ โดยเฉพาะกลุ่มผู้กู้ไม่เกิน7 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการบ้านหลังแรก ไม่จำเป็นต้องทุกระดับราคา อยากให้สถาบันการเงินของรัฐเข้ามาปล่อยกู้ทำให้สถาบันการเงินของเอกชนเกิดความมั่นใจมากขึ้นในการพิจารณาสินเชื่อแก่ผู้กู้รายย่อยที่ต้องการซื้อบ้านไม่เกิน7 ล้านบาท
เรื่องที่สอง อยากให้พิจารณาผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ Loan-to-Value: LTV ในระยะสั้น1-2ปีเพราะคนจะซื้อบ้านหลังที่2,3ก็ต่อเมื่อคนมีความต้องการและมีศักยภาพด้วย หมายความว่า มีความจำเป็นต้องการที่อยู่หลังที่2หรือหลังที่3 ซึ่งมีคนกลุ่มนี้จำนวนมากที่ต้องการซื้อบ้านใกล้ที่ทำงาน ใกล้โรงเรียนลูก เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้เวลาและเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางมากขึ้น ส่วนพ่อแม่อยู่อาศัยในบ้านหลังแรกที่อยู่นอกเมือง ทั้งนี้เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้
เรื่องที่สามซอฟต์โลนจากสถาบันการเงินของรัฐ เกี่ยวเนื่องจากเรื่องแรก เพราะดอกเบี้ยที่ลูกค้าจ่ายในปัจจุบัน5-6% ถือว่าค่อนข้างสูง มีความเป็นไปได้ไหมที่สถาบันการเงินของรัฐจะปล่อยซอฟต์โลนแล้วแต่รัฐพิจารณา เพื่อให้ตลาดอสังหาฯขับเคลื่อนไปได้จากกำลังซื้อในประเทศทำให้เกิดการจ้างงานการก่อสร้างเศรษฐกิจจะได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้
สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาฯครึ่งหลังปี2567 ภาพรวมตลาดอสังหาฯน่าจะดีขึ้น จากงบฯรัฐกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนปลุกกำลังซื้อครึ่งปีหลัง แต่ผู้ประกอบการไม่ควรประมาท ต้องระมัดระวังเรื่องกระแสเงินสด ไม่ลงทุนเกินตัว
เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว และยังคงมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ทั้งแง่ของภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อที่เปราะบาง ต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพ(efficiency)3ด้าน ซึ่งประกอบด้วย คุณภาพ ระยะเวลาและต้นทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางความไม่แน่นอน