ถอดสูตร ‘วุฒิพล ถาวรธวัช' คว้าโรงเรียนวรรณวิทย์ปั้นโรงแรม เดอะ ควอเตอร์ นานา
วุฒิพล ถาวรธวัช ฉายา “เจ้าพ่อเช่าบริหารที่ดินและโรงแรม!” จากการแจ้งเกิดโรงแรม “เดอะ ควอเตอร์” และ อาคารสำนักงาน “ฮิลล์” สร้างการรับรู้ในกลุ่มคนไทยและต่างชาติจนมีลูกค้าประจำเข้ามาใช้บริการต่อเนื่อง
ท่ามกลางดีกรีการแข่งขันของสมรภูมิโรงแรมและอาคารสำนักงานที่รุนแรง วันนี้เขาพิสูจน์ฝีมือให้ทุกคนได้รับรู้ว่า แม้จะ “เล็ก” แต่ เจ๋ง! ด้วยแนวคิดที่สร้างความต่าง จนเป็น “จุดขาย” ที่ผลักดันให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแรง
วุฒิพล ถาวรธวัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เออร์เบิน ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จำกัด หรือ UHG ผู้บริหารอาคารสำนักงานแบรนด์ “ฮิลล์” พื้นที่ค้าปลีกและโรงแรม “เดอะ ควอเตอร์” เผยเคล็ดลับการดำเนินธุรกิจค้าปลีกให้ยืดหยัดอย่างแข็งแกร่ง แม้ต้องเผชิญกับภัยคุกคามรอบด้านว่า ต้องใส่ใจในรายละเอียดทุกมิติ ยิ่งในช่วงที่เกิดวิกฤติต้องปรับตัวให้ทันแบบเรียลไทม์ ใช้ศักยภาพช่องทางออนไลน์ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญต้องเข้าถึงความต้องการเชิงลึกของลูกค้าเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการได้ตรงใจ
“จุดแข็งของเราคือการปรับตัวเร็ว มี Economies of Scale ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี โดยเฉพาะต้นทุนหลัก เงินเดือน ค่าเช่า ค่าไฟ”
ทั้งนี้ ช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของยูเอชจีโดดเด่นจนทำให้เจ้าของที่ดินและโรงแรมหลายรายติดต่อมาให้ “เช่า” และ “บริหาร” เพราะเป็นโมเดลที่ตอบโจทย์ความต้องการของทายาทเจ้าของที่ดิน หรือ โรงแรมนั้นๆ สามารถมีรายได้ประจำ รักษาที่ดินและสินทรัพย์ของครอบครัวให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต ยิ่งเมื่อภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีผลบังคับใช้ 100% ทำให้ทายาทเจ้าของที่ดินและโรงแรมต่างต้องการ “ผู้ช่วย” ที่เข้ามาดูแลสินทรัพย์มากขึ้น ถือเป็น “win-win situation”
ล่าสุด คว้าสิทธิการเช่าระยะยาว 30 ปี ที่ดิน 3 ไร่ โรงเรียนวรรณวิทย์ ซึ่งโรงเรียนเก่าแก่ใจกลางสุขุมวิทซอย8 โดยเริ่มขอการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment) หรือ EIA หลังจากเช็นสัญญาเช่าเมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาเป็นโรงแรม “เดอะ ควอเตอร์ นานา" สูง 8 ชั้น มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนห้องพักกว่า 300 ห้อง ราคาเฉลี่ย 2,500-3,000 บาท คาดว่าแล้วเสร็จ ในปี 2570 สามารถคืนทุนภายในระยะเวลา 6-7 ปี
"ถือเป็นทำเลทองรองรับกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติที่เข้ามาทำงานในย่านนี้ เพราะทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส นานา ซึ่งมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่หลายแห่ง อาทิ โอเนส ทาวเวอร์ (O-NES Tower) เจแอลเค ทาวเวอร์ (JLK Tower) อาคารทู แปซิฟิค เพลส เป็นต้น"
นอกจากนี้ ยังได้รับสิทธิจากทายาทรุ่น 2 ของโรงแรมกานต์มณี ย่านประดิพัทธ์ ดำเนินการรีโนเวท! โดยใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท ปรับโฉมให้เป็นโรงแรม “เดอะ ควอเตอร์ สะพานควาย" จำนวน 208 ห้อง อัตราค่าห้องพัก 1,800-2,400 บาท รองรับลูกค้าทำเลลาดพร้าว จตุจักร อารีย์ ยาวไปถึงรัฐสภา เกียกกาย คาดเปิดบริการปลายปี 2567
“โครงสร้างของโรงแรมดีอยู่แล้ว เหมือนผู้หญิงสวยแค่มาทาปาก ทาสีตกแต่งเล็กน้อยก็สามารถเปิดให้บริการได้ เน้นโทนขาว เทา ดำ ตามคาแรกเตอร์ของแบรนด์ เดอะ ควอเตอร์ ประกอบกับตัวอาคารมีความเป็นวินเทจจึงดีไซน์แนวเรโทร ซึ่งทำเลดังกล่าวกำลังได้รับนิยม ส่วนหนึ่งมาจากสตรีทฟู้ดที่ขยายตัวจากทำเลอารีย์มายังสะพานควาย”
ปัจจุบัน โรงแรมเดอะ ควอเตอร์ ได้การตอบรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงวิกฤติโควิด-19 ขณะนี้สามารถปรับขึ้นราคาห้องพักได้สูงกว่าก่อนโควิดแล้ว 20% ทั้งย่าน ลาดพร้าว อารีย์ สีลม
สำหรับแนวทางการลงทุนหลักๆ ยังคงให้ความสำคัญกับทำเลกลางเมือง และติดรถไฟฟ้า เพื่อรองรับลูกค้าที่เข้ามาพักได้รับความสะดวกในการเดินทาง
วุฒิพล กล่าวต่อว่า จากประสบการณ์ในมุมมองผู้พัฒนาโรงแรม เชื่อว่าตลาดโรงแรมในกรุงเทพฯ ยังมีศักยภาพสูง! ด้วยสถานะเมืองหลวงติดอันดับหนึ่งเมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกชื่นชอบมากที่สุด จากมาตรฐานบริการ อาหารอุดมสมบูรณ์ สามารถรองรับฐานลูกค้าที่มีความหลากหลายไม่ว่าเป็นการพักผ่อน การทำงาน ทำให้ตลาดโรงแรมในกรุงเทพฯ ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ
อย่างไรก็ดี แนวคิดที่รัฐบาลจะขยายระยะเวลาเช่าที่ดินจาก 30 ปี เป็น 99 ปีนั้น วุฒิพล มองว่า น่าจะตอบโจทย์สำหรับโครงการขนาดใหญ่ หรือ เมกะโปรเจกต์ ในแง่การลงทุนที่คุ้มค่ามากขึ้น ไม่ต้องกังวลการต่อสัญญาหลังครบ 30 ปี ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะต่างชาติ เพราะหากเช่าได้ยาวขึ้นจะกล้าลงทุนมากขึ้น ยกตัวอย่าง หากลงทุนคาสิโน 30 ปี ไม่น่าจะคุ้มทุน เพราะต้องใช้เวลานาน และระหว่างทางมีความเสี่ยงที่ธุรกิจล้มลุกคลุกคลานพอสมควรกว่าจะลงตัว ซึ่งแนวทางเช่าระยะยาวทำให้นักลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น
แต่ไม่มีผลต่อธุรกิจของยูเอชจีมากนัก เพราะสเกลการลงทุนไม่ใหญ่ และที่ผ่านมาได้ดีลกับลูกค้าเจ้าของที่ดิน สามารถยืดระยะเวลาการเช่าได้นานขึ้นถึง 50 ปี ในระดับราคาค่าเช่าที่ลูกค้าพอใจ ขึ้นอยู่กับการเจรจาและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่า ระบุเป็นสัญญาชัดเจนถึงการให้เช่าต่อตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ โดยไม่มีการเก็บค่าเช่าหน้าดินใหม่อีก
“ในฐานะผู้ประกอบการรายเล็กยอมรับว่ามีความกังวล หากขยายระยะเวลาในการเช่ายาวนานขึ้นจะทำให้มีคู่แข่งที่เป็นชาวต่างชาติ รวมทั้งคนไทยที่มีสายป่านยาวเข้ามาแข่งขันมากขึ้น”