‘แสนสิริ’ รุกหนักเมืองท่องเที่ยว เจาะดีมานด์ต่างชาติหนุนตลาดโต

‘แสนสิริ’ รุกหนักเมืองท่องเที่ยว  เจาะดีมานด์ต่างชาติหนุนตลาดโต

การฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศเพื่อนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต ด้วยความที่เป็นธุรกิจมี Multiplier Effect สูง! จากซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้อง ‘แสนสิริ’ รุกหนักเมืองท่องเที่ยวเจาะดีมานด์ต่างชาติหนุนตลาดโต

ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากประมาณการของธนาคารโลกล่าสุด GDP ของประเทศไทยอยู่ที่ 2.4% ซึ่ง GDP คือค่า               เฉลี่ยของการเติบโตของประเทศ มีองค์ประกอบหลายอย่าง รวมทั้ง 3 เซกเตอร์หลัก การส่งออก การท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์ นับเป็น 65%, 20% และ 5% ของ GDP ตามลำดับ 

"น่าเสียดายว่าในช่วงที่ผ่านมา ภาพรวมการส่งออกของไทยดีขึ้น แต่มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นไม่ได้มาก เนื่องจากเงินบาทเราแข็งค่าขึ้นไปมาก จากจุดที่อ่อนสุดในปีนี้ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ไปอยู่ที่ 32.50 บาทดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงสั้นๆ"
                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                               

หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าดูแลค่าเงินทำให้เงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อยมาอยู่ที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็ยังแข็งค่าอยู่เมื่อเทียบกับต้นปีที่ 34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้ส่งออกไม่ได้รับผลบวกจากยอดการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร และส่งผลต่อกำลังซื้อในประเทศด้วยเช่นกัน

ในภาคท่องเที่ยว ถึงแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น แต่การแข็งค่าของเงินบาทก็ส่งผลให้เกิดการชะลอในการจับจ่ายใช้สอย อย่างไรก็ดีถ้าไม่นับเรื่องของค่าเงินแล้วสถานการณ์ของการส่งออก และการท่องเที่ยวก็ถือว่ากระเตื้องขึ้น

‘แสนสิริ’ รุกหนักเมืองท่องเที่ยว  เจาะดีมานด์ต่างชาติหนุนตลาดโต

ภูมิภักดิ์ ระบุว่า จากข้อมูลหนี้สาธารณะไทยมีสัดส่วน 62% ของ GDP ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก ขณะที่หนี้ครัวเรือนไทยอยู่ที่ 92% ของ GDP  สูงกว่าหลายประเทศพัฒนาแล้ว แต่ปัจจุบันเริ่มมีปัจจัยบวกจากมาตรการรัฐที่เข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องในระยะสั้นของผู้มีรายได้น้อย อาทิ เงิน 10,000 บาท หรือการกลับมาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติถือเป็น 50% ของมูลค่าการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

รวมทั้งการทยอยออกมาในเรื่องของการลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในต่างชาติ ส่วนใหญ่ก็จะส่งผลดีในแง่บวกกับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 35% ของ GDP ผู้ได้ประโยชน์ในข่าวดีตรงนี้ก็น่าจะเป็นเจ้าของกิจการ นักลงทุนในตลาดหุ้น พนักงานในโรงงานต่างๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ GDP เติบโตได้ในอนาคต

"จากปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ทำให้การกู้ยากขึ้น เพราะรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย กำลังซื้อจากต่างประเทศก็ลดลงเนื่องจากสินค้ามีราคาสูงขึ้นจากการแข็งค่าของเงินบาท ส่งผลให้จากสถานการณ์ของอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ดีมานด์ยังไม่ฟื้นตัว แต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีสายป่านยาวสามารถปรับตัวได้หันไปพัฒนาสินค้าราคาสูงเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้ออยู่"

สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 ที่อยู่อาศัยระดับราคา 10-30 ล้านบาท ขึ้นไป ยังไปได้แต่ไม่หวือหวานัก!  ขณะที่ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ยังมีความท้าทายจากความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากหนี้ครัวเรือนไทยแตะระดับ 92%  กระทบไปถึงกลุ่มที่อยู่อาศัยราคา 5-7 ล้านบาท 

ขณะเดียวกันปีนี้ มีบริษัทข้ามชาติขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะ ดาต้าเซนเตอร์ และการย้ายฐานการผลิตของโรงงานจากต่างประเทศทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติในประเทศไทยมากขึ้น

แสนสิริ จึงได้ปรับกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการใหม่ไปใน “ทำเลยุทธศาสตร์” ที่มีกำลังซื้อสูงตามหัวเมืองใหญ่ อย่าง พัทยา จังหวัดชลบุรี หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมทั้งภูเก็ต และเชียงใหม่ ซึ่งหัวเมืองท่องเที่ยวหลักเหล่านี้มีความต้องการที่อยู่อาศัยสูงทั้งจากกลุ่มลูกค้าคนไทยในพื้นที่ และชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน และพำนักอาศัยในไทย (Expat) ทำให้แสนสิริมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้น 20%

 “ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่มีดีมานด์ต่างชาติมาซื้อ และเช่าอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยมากขึ้น ทำให้สามารถจัดเก็บภาษีจากดีมานด์ต่างชาติได้มากขึ้นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศในระหว่างที่ดีมานด์ในประเทศยังไม่ฟื้นตัวดี ดังนั้น ดีมานด์ชาวต่างชาติจะช่วยขับเคลื่อนภาพรวมอสังหาริมทรัพย์เติบโตได้”

‘แสนสิริ’ รุกหนักเมืองท่องเที่ยว  เจาะดีมานด์ต่างชาติหนุนตลาดโต

พลัสฯ บริหาร 3 โครงการหรูภูเก็ต 1.5 พันล้าน

ปัจจัยบวกท่องเที่ยวไทยกลับมาฟื้นตัวเต็มที่! และ “ภูเก็ต” เป็นเมืองเศรษฐกิจที่ตอบโจทย์กลุ่มชาวต่างชาติ ทั้งรัสเซีย ยุโรป อเมริกัน สิงคโปร์ ที่ซื้ออยู่เองเพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2 รวมถึงกลุ่มนักลงทุนทั้งไทย และต่างชาติ ที่ลงทุนปล่อยเช่าให้กับกลุ่มชาวต่างชาติ ซึ่งหลังวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดเทรนด์การทำงานระยะไกล (Remote working) หลายคนเลือกที่จะมาทำงานและพักอาศัยในภูเก็ตระยะยาว (Long Stay) ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง

 สมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทวิลล่า หรือคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่กว้างขวาง และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในภูเก็ตเพิ่มขึ้น ตอกย้ำความแข็งแกร่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง

ทั้งนี้ Plus Sole Agent มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการเป็นตัวแทนขายในตลาดภูเก็ตมายาวนานกว่า 13 ปี ทั้งดูแลโครงการของแสนสิริ และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ โดย 3 โครงการล่าสุดที่ Plus Sole Agent รับบริหาร ได้แก่ “Mali Villas” พูลวิลล่าหรู 7 ยูนิต มูลค่าโครงการ 210 ล้านบาท โดดเด่นด้วยดีไซน์ และให้ความเป็นส่วนตัวสูงแก่ผู้อยู่อาศัย “SURFHOUSE Residences” คอนโดมิเนียมบูติกเอ็กซ์คลูซีฟ 34 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท มาพร้อมสิทธิพิเศษจากเครือ Sala Hospitality Group ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความสะดวกสบาย และความเป็นส่วนตัว

‘แสนสิริ’ รุกหนักเมืองท่องเที่ยว  เจาะดีมานด์ต่างชาติหนุนตลาดโต

และ “Villa Qabalah” พูลวิลล่าหรู 31 ยูนิต มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท โดดเด่นด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงความยั่งยืน ผสานธรรมชาติเข้ากับการอยู่อาศัยทำยอดขายแล้ว 50% ของโครงการPlus Sole Agent พร้อมเป็นพันธมิตรในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเพื่อส่งมอบบริการครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านการตลาด การขาย และการบริหารโครงการ เพื่อให้ทุกโครงการประสบความสำเร็จสูงสุด คาดว่าในไตรมาสสุดท้ายนี้ จะได้การตอบรับที่ดีของตลาดทำให้การขายเร็วขึ้น เพื่อดูดซับความต้องการของกำลังซื้อ


 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์