อสังหาฯ ภูเก็ตรับอานิสงส์เศรษฐีต่างชาติ หนีสงครามดันยอดขาย - โอนพุ่ง
อสังหาฯ ภูเก็ตบูม รับอานิสงส์เศรษฐีต่างชาติ หนีสงครามส่งลูกหลานเรียนนานาชาติ ดันยอดขาย - โอนพุ่งกระฉูด แอสเซทไวส์ สบช่องผุด 4 โครงการใหม่มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้าน ชิงมาร์เก็ตแชร์คู่แข่งพื้นที่ - บิ๊กคอร์ปจากกรุงเทพฯ
KEY
POINTS
- ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์คาดการณ์ว่า ปี2567 จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียมในภูเก็ตมูลค่ารวม 33,730 ล้านบาท เทียบกับปี 2566 โต 7.1%
- ขณะที่ยอดขายใหม่ของคอนโดมิเนียมครึ่งแรกปี 2567 มีจำนวน 4,497 หน่วยเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเติบโตสูงถึง 259.8% และมีมูลค่า 40,190 ล้านบาทเติบโต 799%
- ทำเลโดดเด่น “หาดบางเทา - หาดสุรินทร์” มีจำนวน 2,202 หน่วย หรือคิดเป็น 48.97% ของหน่วยยอดขายใหม่
กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ก่อนหน้านี้บริษัทได้เข้าถือหุ้นสัดส่วน 67.94% ในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการ Leisure Residences ในภูเก็ต ภายใต้แบรนด์ “เดอะ ไทเทิล” (THE TITLE) ในทำเลศักยภาพ บางเทา ในยาง และราไวย์ ซึ่งเป็น Strategic Locations ที่โดดเด่นทั้งด้านการเดินทาง ธรรมชาติ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถรองรับการพักอาศัยระยะยาวและท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังได้เข้าไปถือหุ้น BOTANICA Grand Avenue ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ BOTANICA ในกลุ่มพูลวิลล่าอีก 30%
ทั้งนี้เนื่องจากภูเก็ตเป็นตลาดที่น่าสนใจเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่มีศักยภาพเติบโตไปได้อีกหลายปี หลังจากการเข้าถือหุ้นครั้งนี้การลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภาคใต้จะดำเนินการภายใต้แบรนด์ “เดอะ ไทเทิล” เจาะกลุ่มชาวต่างชาติรายได้สูง ประกอบกับปัจจุบันสถานการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้นในยูเครน-รัสเซีย, ไต้หวัน-จีน ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหนีสงครามเข้ามาอยู่ใน จ.ภูเก็ตมากขึ้น
“ขณะที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุทำให้ในอนาคตจำนวนคนไทยที่จะเสียภาษีให้กับประเทศไทยมีน้อยลง ดังนั้นจำเป็นต้องสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวหรือพาลูกมาเรียนหรือเข้ามาเกษียณอายุ โดยเลือกภูเก็ตเป็นบ้านหลังที่ 2”
ปัจจุบันตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตแบ่งเป็น 4 ตลาดหลัก ได้แก่ ที่อยู่อาศัยสำหรับคนไทย ,คอนโดมิเนียมสำหรับคนที่มาทำงานในภูเก็ต, Leisure Residences สำหรับชาวต่างชาติเป็นหลัก และพูลวิลล่า
“ขณะนี้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดในภูเก็ตไม่ถึง 10% เพราะเพิ่งเริ่มเข้าตลาด Leisure Condo สำหรับต่างชาติ ที่มี “ลากูน่า” เป็นเจ้าตลาด และมี ดีเวลลอปเปอร์ ท้องถิ่น และผู้ประกอบการรายใหญ่จากกรุงเทพฯ เข้ามาลงทุนจำนวนมาก”
สำหรับภาพรวมยอดขายของ แอสเซทไวส์ 9 เดือนแรกปี 2567 มียอดขาย 14,578 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนที่มาจากไทเทิลคิดเป็น 43% ของยอดขายสะสม ปัจจุบันไทเทิลมี Backlog ทั้งหมดราว 8,022 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 จากเดอะ ไทเทิล ฮาโล 1 และคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการอื่นต่อเนื่องจนถึงปี 2570
ปัจจุบันแอสเซทไวส์ และไทเทิลมีคอนโดมิเนียมที่พัฒนาร่วมกันทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่ารวม 31,500 ล้านบาท โดยล่าสุดแอสเซทไวส์ได้ปรับแผนเปิดตัวโครงการ Leisure Residences ในภูเก็ต โดยเปิดโครงการใหม่รวม 4 โครงการมากกว่าแผนที่วางไว้ มีมูลค่าทั้งหมด 15,500 ล้านบาท ประกอบด้วย
เดอะ ไทเทิล เชียโล่ ราไวย์ มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจนมียอดขายถึง 90% หลังเปิดขายได้เพียง 1 สัปดาห์
เดอะ โมเดวา มูลค่า 6,200 ล้านบาท
เดอะ ไทเทิล อาร์ทริโอ บางเทา มูลค่า 2,600 ล้านบาท เตรียมเปิดขายในเดือนต.ค.นี้
คาตาเบลโล ในกะตะ มูลค่า 5,500 ล้านบาท มีแผนเปิดขายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าการปรับแผนดังกล่าวจะช่วยผลักดันยอดขายของโครงการในภูเก็ตช่วงไฮซีซันนี้ให้เพิ่มขึ้นอีก 5,000 ล้านบาท
เวคิน ตั้งกุลวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต ในเครือแอสเซทไวส์ กล่าวว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับ Strategic Locations อย่างบางเทา เนื่องจากเป็นทำเลที่มีความงดงามของหาดทรายสีขาวตัดกับน้ำทะเล และรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งร้านอาหาร แหล่งไลฟ์สไตล์ สถานศึกษา โรงพยาบาล และแหล่งกิจกรรมมากมาย รองรับความต้องการของทุกเจนในครอบครัว
และยังเป็นครั้งแรกของแบรนด์เดอะ ไทเทิล พัฒนาอาคารที่พักอาศัยที่มีโซน “Pet-Friendly” ภายในโครงการ ตอบโจทย์คนรักสัตว์ ให้คนและสัตว์เลี้ยงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เพื่อให้โครงการเดอะ ไทเทิล เป็น “Heaven Bestination” ของทุกคน
“ขณะนี้อสังหาริมทรัพย์ในโซนบางเทา เริ่มมีราคาสูงมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีความเป็นลักซ์ชัวรีมากขึ้น เราจึงนำเสนออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นไลฟ์สไตล์ และพรีเมียมเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าครอบคลุมทั้งกลุ่มครอบครัว ,คู่รัก,คนโสด, ดิจิทัลโนแมด และ กลุ่มผู้สูงอายุ”
ปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าคนไทยไม่ถึง 5% ขณะที่สัดส่วนลูกค้าต่างชาติมีมากกว่า 90% ส่วนใหญ่เป็นรัสเซีย ยูเครน และยุโรป ก่อนหน้านี้มีกลุ่มลูกค้าจีนด้วยแต่ดรอปลงไปช่วงหลังโควิดจากปัญหา เศรษฐกิจ ฟองสบู่อสังหาฯ และนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนใช้จ่ายภายในประเทศ คาดว่า 1-2 ปีข้างหน้าตลาดจีนกลับมาช่วยกระตุ้นการซื้ออสังหาฯ ได้ดีเพราะพฤติกรรมการซื้อของคนจีนคือ ซื้ออยู่กันเป็นหมู่บ้านในกลุ่มคนรู้จัก ซึ่งภูเก็ตเป็น “destination” ที่คนจีนชอบ และมักจะส่งลูกหลานมาเรียนเพราะค่าใช้จ่ายในการเรียนถูกกว่าปักกิ่งบวกกับนโยบายของจีนที่ไม่อยากให้มีโรงเรียนนานาชาติเพื่อความเท่าเทียม และเสมอภาค
จากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มากขึ้นส่งผลให้ราคาที่ดินของภูเก็ตมีแนวโน้มแพงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเดิมไทเทิล มีที่ดินกว่า 80 ไร่ เมื่อแอสเซทไวส์เข้ามาก็มาถือหุ้นมีการลงทุนซื้อที่ดินเพิ่ม ส่งผลให้ปัจจุบันมีที่ดินกว่า 100 ไร่ เพียงพอให้พัฒนาโครงการใหม่ได้อีก 2 ปี และหากประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการในปีนี้บริษัทมีแผนจะซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการใหม่ในปีหน้า
นอกจากนี้บริษัทยังได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ “The Esquire” ให้บริการด้าน Property Management ครอบคลุมทั้งทีมนิติบุคคลช่วยบริหารจัดการภายในโครงการ บริการจัดหา และประสานผู้เช่า บริการซักรีด และบริการทำความสะอาดภายในห้องพัก ช่วยดูแลทรัพย์สิน และคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยทุกคนภายในโครงการเดอะ ไทเทิล เพื่อการอยู่อาศัยที่สะดวกสบายในทุกมิติ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์