ภูเก็ต สุดพีค! เศรษฐีแห่ซื้อคอนโด - วิลล่า ลากูน่า รุกชิงกำลังซื้อซูเปอร์ริช
ภูเก็ต สุดพีค!เศรษฐีไทย ต่างชาติแห่ซื้อคอนโดมิเนียม-วิลล่าหรู ‘ลากูน่า’ ลุยอัลตร้าลักซ์ชัวรีชิงกำลังซื้อซูเปอร์ริช ชี้ภูมิรัฐศาสตร์ “เปลี่ยน” คนตะวันตกหันมาลงทุน และการซื้อที่อยู่อาศัย“ภูเก็ต”เป็น“บ้านหลังที่สอง”
KEY
POINTS
- ไตรมาส 3/2567 ถือเป็นอีกไตรมาสที่อุปทานเปิดขายใหม่ของคอนโดมิเนียมในภูเก็ตกว่า 4,400 ยูนิต ซึ่งมากกว่าคอนโดมิเนียมกรุงเทพฯ เกือบ 50% เป็นไตรมาสที่ 2 ติดกัน
- ส่งผลให้ 3 ไตรมาสที่ผ่านมา อุปทานเปิดขายใหม่ของคอนโดมิเนียมภูเก็ตสูงกว่า 8,500 ยูนิต
- คอลลิเออร์ส คาดการณ์ว่าคอนโดมิเนียมปีนี้ จะมีจำนวนสูงกว่า 12,000 ยูนิตถือว่าเป็นตัวเลขสูงที่สุดของตลาดคอนโดมิเนียมภูเก็ต
- ขณะที่ครึ่งแรกปี 2567 “วิลล่า” เปิดตัว 65 โครงการ 1,285 ยูนิต มูลค่า 36,300 ล้านบาท สูงกว่าปี 2566 เปิดไม่ถึง 65 โครงการ
ผลจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ “เปลี่ยน” ผู้คนจากซีกโลกตะวันตกหันมาสนใจซีกโลกตะวันออก ทั้งในด้านการลงทุน และการซื้อที่อยู่อาศัย “ภูเก็ต” จึงกลายเป็นที่หมายปองของชาวต่างชาติที่ต้องการมี “บ้านหลังที่สอง” เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังโควิด-19 ด้วยศักยภาพของเมืองท่องเที่ยวระดับโลก มีเที่ยวบินให้บริการจำนวนมาก มีโรงเรียนนานาชาติ 14 แห่ง โรงพยาบาลมาตรฐานระดับโลก เวลเนส สนามกอล์ฟ เรือยอร์ช ร้านอาหาร ทิวทัศน์ของเกาะที่สวยงาม รวมถึงบิ๊กอีเวนต์การจัดคอนเสิร์ต การแข่งขันกีฬาระดับโกลบอล!
โฮ กวงปิง หรือ KP ผู้ก่อตั้ง และประธานกรรมการ บันยัน กรุ๊ป และผู้สร้างอาณาจักร ลากูน่า ฉายภาพว่า ปัจจุบันการแข่งขันของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม! ไม่เพียงแต่ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่จากกรุงเทพฯ อย่าง แสนสิริ แอสเซทไวส์ ศุภาลัย ที่เข้ามาปักหมุดขยายโครงการเท่านั้น แต่ยังมีผู้ประกอบการต่างชาติจากรัสเซีย จีน ที่เข้ามา ในฐานะผู้บุกเบิก และผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในภูเก็ต ต้องปรับตัวรับมือกับการแข่งขัน และแลนด์สเคปที่เปลี่ยนไป
“สงครามยูเครน-รัสเซีย” ทำให้คนรัสเซียมาอยู่ภูเก็ตมากกว่าพัทยา กรุงเทพฯ จากก่อนหน้านี้เป็นกลุ่มคนจีน ที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต ปัจจุบันตัวเลขของคนจีนในลากูน่าอยู่ในระดับ “คงที่” ไม่ลดลงแต่ก็ไม่เพิ่มขึ้น คาดว่าในอนาคตดีมานด์จากจีนจะกลับมาอีกครั้ง ในระหว่างนี้เองทำให้ต้องหาลูกค้าใหม่เข้ามาเติมเพื่อลดความเสี่ยง และเพิ่มยอดขาย โดยการจับกลุ่มลูกค้าอย่าง เช่น ไต้หวัน คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน คีร์กีซสถาน ยูเครน อินเดีย และประเทศที่มี “ไฟลต์บินตรง” มายังภูเก็ต จากข้อมูลมีถึง 67 เมืองทั่วโลก!
"เรามีผู้จัดการฝ่ายขายในต่างประเทศมากกว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อื่นในประเทศไทยซึ่งส่วนใหญ่เน้นขายให้กับคนไทย แต่เราขายให้ชาวต่างชาติ โดยมีตัวแทนใน 30 ประเทศทั่วโลก วางเป้าหมายภายใน 2 ปีจะมีตัวแทนขายในทุกเมืองที่มีไฟลต์บินตรงภูเก็ต"
ลากูน่าในฐานะผู้พัฒนารายใหญ่มีความได้เปรียบในแง่ของต้นทุนที่ดินต่ำกว่าคู่แข่ง!! และมีจำนวนที่ที่ดินในมือกว่า 3,000 ไร่ที่สามารถพัฒนาต่อไปได้อีก 20 ปี เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด ประกอบกับได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมาหลายปีแล้วจึงง่ายต่อการพัฒนาโครงการใหม่ และกลายเป็นจุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่ง เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าครบวงจร รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยไว้รองรับ
ท่ามกลางเกมแข่งขันดุเดือด ลากูน่า พลิกกลยุทธ์หันมาจับเซกเมนต์ "อัลตร้าลักซ์ชัวรี" เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง (High Net Worth Individuals)ที่มีกำลังซื้อสูง ดังนั้น โครงการในลากูน่าไม่ว่าจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรือวิลล่าจะมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง 20-30%
“เรามีการสร้างแบรนด์หลากหลายเพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี และอัลตร้าลักซ์ชัวรีในภูเก็ตทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่ง เหมือนกับแนวคิดของ BMW ที่มีรถทุกขนาด ทั้งหมดอยู่ในระดับ และราคาลักซ์ชัวรี ”
ยกตัวอย่างวิลล่าแบรนด์ “บันยันทรี โอเชียนฟรอนต์ ” ที่อยู่หน้าหาดบางเทามีจำนวนแค่ 10 หลังเปิดขายครั้งแรกราคาหลังละ 270 ล้านบาท ขายไปแล้ว 5 หลังอยู่ระหว่างก่อสร้างแต่ปัจจุบันปิดการขายที่เหลือไปก่อน ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่มาซื้อเกินครึ่งเป็นคนไทยที่มาจากกรุงเทพฯ!!จากการสอบถามพบว่ากลุ่มคนซื้อโครงการในลากูน่าส่วนใหญ่จะสัญชาติไทย รัสเซีย จีน ฮ่องกง สิงคโปร์
“ก่อนโควิดกลุ่มคนซื้อโครงการในลากูน่าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ 85% คนไทย 15% ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา 50% ของผู้ซื้อเป็นคนไทยที่ร่ำรวยเข้ามาซื้ออสังหาฯ ระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์จากกรุงเทพฯ เข้ามาลงทุนในภูเก็ตมากขึ้นตามดีมานด์ ”
นอกจากนี้ยังมีดีมานด์ของกลุ่มExpat,เจ้าของธุรกิจ,ทำงานเกี่ยวไอที(Digital Nomad)หรือผู้บริหารจากโรงแรมอื่นในย่านเชิงทะเลที่เข้ามาเช่าก่อนในโครงการสกาย พาร์ค (Sky Park)ราคา 30,000 บาท/เดือนขนาด 30 ตร.ม.ซึ่งในเฟสแรกราคาซื้อขายอยู่ที่ 4 ล้านบาท(ก่อนโควิด)ปัจจุบันได้เปิดตัว โครงการใหม่ “สกายพาร์ค เอลารา ”ตั้งอยู่ใน ลากูน่า เลคแลนด์ ภูเก็ต มีขนาดห้องใหญ่ขึ้นน และราคาสูงขึ้นเริ่มต้นที่ 7ล้านบาท ขณะเดียวกันก็มีแรงซื้อมาจาก กลุ่มผู้ปกครองชาวจีนที่มีความมั่งคั่งสูงส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนนานาชาติที่ภูเก็ต รวมทั้งกลุ่มรีไทร์เมนท์จจากยุโรปเข้ามาด้วย
ล่าสุดเตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียม 3โครงการใหม่ในเซกเมนต์อัลตร้าลักซ์ชัวรี ประกอบด้วย โครงการ Laguna Bayside ราคาไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท , Banyan Tree Oceanus ขนาด500 ตร.ม. ระดับราคา 250 ล้านบาท และ Banyan Tree Beach Terraces ขนาด 500 ตร.ม. ที่มีความสูง 4 ชั้นจำนวน 12 หลังเป็นครั้งแรกคาดว่าจะมีราคาสูงสุดในภูเก็ตในเดือนธ.ค. นี้ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งที่เข้ามาในภูเก็ตใน 3-5 ปีจากนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตยังคงร้อนแรงต่อไป
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์