บ้านสุดหรู100ล้านอัปบูมรับกลุ่มมั่งคั่งกลุ่มมั่งคั่งกว่า4.5แสนลบ.
บ้านสุดหรู ราคาต่อหน่วยตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป! ซึ่งบ้านราคานี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการคนเฉพาะกลุ่มที่มองหา “บ้าน” ที่เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่สามารถสะท้อนตัวตน มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร บ่งบอกสถานะทางสังคม สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้ครอบครอง
ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บ้านระดับ Ultimate Class มีอุปทานเปิดขายใหม่มากกว่า 394 ยูนิต มูลค่าซื้อขายใหม่กว่า 450,000 ล้านบาท และพบว่ามากกว่า 85% เป็นการพัฒนาโดยดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อาทิ เอสซี แอสเสท, แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และแสนสิริ ที่มีโปรดักต์ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นแฟลกชิปสโตร์ของธุรกิจ
“ทุกคนต่างมองเห็นโอกาสการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ระดับราคาขายกว่า 100 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งเป็นตลาดที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง”
จากปี 2565 ที่ผ่านมา มีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดมากถึง 118 ยูนิต ปี 2567 ยังคงมีอุปทานใหม่อีกกว่า 44 ยูนิต บางโครงการมีราคาขายต่อยูนิตสูงถึง 1,300 ล้านบาท!
ข้อมูลคอลลิเออร์สฯ ไตรมาส 3 ปี 2567 พบว่า บ้านราคามากกว่า 100 ล้านบาทต่อยูนิต ที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 350 ยูนิต ซึ่งอุปทานหล่านี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ใจกลางเมืองมากที่สุด ราว 41.14% โดยเฉพาะพื้นที่ย่านสุขุมวิท อารีย์ บางนา พระราม 9 และพัฒนาการ
จากอุปทานทั้งหมดมีอัตราการขายอยู่ที่ 52.28% รอการขาย 168 ยูนิตเท่านั้น! อุปทานเหล่านี้หลายโครงการถูกดูดซับอย่างรวดเร็ว โดยกำลังซื้อระดับบน เช่น นักธุรกิจ เจ้าของกิจการ นักการเมือง ต่างชาติ และกลุ่มผู้ที่มีชื่อเสียงที่มีความมั่งคั่ง
สำหรับทำเลที่มีอัตราการขายสูงสุด! คือ กรุงเทพฯ โซนเหนือ สัดส่วน 65.08% ซึ่งดึงดูดกลุ่มคนซื้อที่ต้องการไลฟ์สไตล์ที่เงียบสงบในพื้นที่รอบใจกลางเมืองแต่ยังคงเข้าถึงตัวเมืองได้ง่าย ขณะที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ครอบคลุมถนนราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า ครองสัดส่วนอุปทาน 33.71% เป็นทำเลที่ดึงดูดผู้ซื้อที่มีฐานะ ซึ่งให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอย และการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
คาดการณ์ว่าจะมีบ้านระดับ Ultimate Class ในช่วงระดับราคาขายมากกว่า 100 ล้านบาทต่อยูนิต เข้าสู่ตลาดใหม่อีกกว่า 30 ยูนิต ในปี 2568 สะท้อนความมั่นใจของดีเวลลอปเปอร์ต่อดีมานด์ที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องสำหรับบ้านหรู ซึ่งผู้พัฒนาหลายรายมองว่าเป็นตลาดที่ยังมีกำลังซื้อแข็งแรง และยังเป็นการหลีกเลี่ยงตลาดบ้านในช่วงระดับอื่นที่มีการแข่งขันและยอดปฏิเสธสินเชื่อสูง!
"ปัจจัยสำคัญของการตัดสินใจซื้อบ้านระดับ Ultimate Class ในกรุงเทพฯ คือ ทำเล ส่วนใหญ่เป็นแปลงที่ดินหายากใจกลางเมือง และเป็นแบรนด์ระดับสูงสุดของผู้พัฒนาที่ส่วนใหญ่ใช้แบรนด์พิเศษ ดีไซน์หรือมีฟังก์ชันพิเศษเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร สะท้อนตัวตนเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี"
อย่างไรก็ดี ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีอัตราการขาย 52.28% มียูนิตรอการขายอีก 168 ยูนิต หรือ 47.71% ของอุปทานทั้งหมดในตลาด โดยพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งเหนือ มีอัตราการขายสูงสุด สัดส่วน 65.08% กรุงเทพฯ ฝั่งใต้ มีอัตราการซื้อขาย 33.33% เท่านั้น ซึ่งผู้ซื้อที่มีฐานะดีในประเทศไทย เช่น เจ้าของธุรกิจ นักการเมือง กลุ่มผู้มีชื่อเสียง นับเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนความต้องการหลักของบ้าน Ultimate Class ขณะที่ความสนใจจากชาวต่างชาติอาจไม่เด่นชัดเท่าผู้ซื้อในประเทศ
"ตลาดบ้าน 100 ล้านบาทขึ้นไป อุปทานและการแข่งขันน้อยกว่าในระดับราคาอื่นๆ ส่วนใหญ่ซื้อด้วยเงินสด ไม่พึ่งพิงสินเชื่อเหมือนตลาดบ้านจัดสรรในช่วงระดับราคาอื่นๆ ที่ต้องเผชิญกับปัญหาการปฎิเสธสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด"