5ปัจจัยหนุนภูเก็ตเมืองใหญ่ระดับโลกราคาที่ดินพุ่งติดหาดแตะไร่100ล้าน!
แสนสิริ ชี้5 ปัจจัยหนุนภูเก็ตเมืองใหญ่ระดับโลกที่มีมูลค่าขนาดเศรษฐกิจ 500,000ล้านบาท เป็นอันดับ2รองจากกรุงเทพฯ ส่งผลให้ราคาที่ดินพุ่งคาดทำเลติดหาดแตะไร่100ล้าน!
ภูเก็ตไม่เพียงแต่จะรองรับนักท่องเที่ยวแต่ยังเป็นหมุดหมายของคนต่างชาติที่ต้องการมาอยู่อาศัยระยะยาว ทั้งกลุ่มรีไทร์ กลุ่มที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย รวมถึงเศรษฐีไทยที่ต้องมีบ้านอีกหลังที่2ในภูเก็ต
อุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากประสบการณ์13ปีที่เข้ามาทำโครงการอสังหาฯในจ.ภูเก็ตเห็นศักยภาพการเติบโตของภูเก็ตหลังจากผ่านวิกฤติโควิด-19 จากที่ต้องปิดเกาะแต่สามารถกลับมาเติบเติบโตแบบก้าวกระโดดจากการท่องเที่ยวถือเป็น"เครื่องยนต์"สำคัญในการขับเคลื่อนด้วยจุดเด่นการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนไทยรู้จักและเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลก หาดทรายสวย น้ำใสและกลายจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก เทียบชั้นเมืองชายทะเลระดับโลกอย่าง ซานโตรินี ไมอามี่บีช ริเวียร่า ฮาวาย และมีมูลค่าขนาดเศรษฐกิจ 500,000ล้านบาท เป็นอันดับ2รองจากกรุงเทพฯ
จากแนวนโยบายของภาครัฐที่ให้ความสำคัญกับการผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว การขนส่ง และศูนย์กลางการบินของภูมิภาค พร้อมส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งชายฝั่งทะเลอันดามัน จากแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ Seaplane Terminal, ท่าอากาศยานอันดามัน การขยายสนามบินภูเก็ต และการพัฒนาการขนส่งทางน้ำ ที่อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต เพื่อรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal)ส่งผลให้ภูเก็ตกลายเป็น"เมืองใหญ่ระดับโลก" (Big City)
แนวโน้มดังกล่าวกลายเป็นปัจจัยบวก ที่สนับสนุนให้ 5 ธุรกิจในเกาะภูเก็ต ประกอบด้วย 1. โรงแรมร้านอาหาร ที่เติบโตต่อเนื่อง ทำให้ราคาห้องพักสูงขึ้น 2.โครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่มีดีมานด์จากต่างชาติเติบโตแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย จีน ยุโรป ส่งผลให้ยอดขาบช่วง8เดือนที่ผ่ามาเติบโตถึง16% 3. โรงเรียนนานาชาติ ถือเป็นแรงหนุนทีดีตามการขยายตัวของที่อยู่อาศัยในภูเก็ต รองรับกลุ่มคนที่ต้องการย้ายมาใช้ชีวิตในภูเก็ต ทั้งคนไทยและต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง 4.โรงพยาบาลชั้นนำและธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพที่เข้ามาเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง และ5.การเข้ามาลงทุนMARINA ของนักลงทุนไทยและต่างชาติเพื่อรองรับการท่องเที่ยวทางทะเลที่เติบโตต่อเนื่อง
ทั้ง5 ธุรกิจดังกล่าวมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเป็น "Big City" ของจ.ภูเก็ตชัดเจน ส่งผลให้ ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด จากเดิมที่ดินทำเลแถวศูนย์การค้าเซ็นทรัลราคาต่อไร่15-20ล้านบาท
ปัจจุบันราคาต่อตารางวาขยับขึ้นแตะ1แสนบาทและในปีที่ผ่านมาขยับขึ้นอีก30-40% ขณะที่ราคาที่ดินในทำเลทองอย่างกระทู้ ป่าตอง ได้ขยับสูงขึ้นมากบางพื้นที่มีราคาที่ดินสูงถึงไร่ละ1 ล้านบาทในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่า ที่ดินติดหาดจะราคาขยับไปแตะไร่ละ100บาทเพราะหายาก! ส่วนใหญ่เจ้าของที่ไม่เดือดร้อนจึงไม่ต้องการขายที่หากไม่ได้ราคาที่ถูกใจ
สำหรับโครงการของแสนสิริ ในจ.ภูเก็ต สามารถสร้างยอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ โดยในปี 2567 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายจากภูเก็ต 2,000 ล้านบาท และปี 2568 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 4,000 ล้านบาท คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามการเปิดโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตามแผนบริษัทได้เตรียมงบลงทุน25,000 ล้านบาทเพื่อพัฒนา27 โครงการฯใหม่ในอีก 5 ปีข้างหน้า (2568-2572) แบ่งออกเป็น คอนโดมีเนียม11โครงการมูลค่า14,000ล้านบาท โครงการแนวราบ16โครงการมูลค่า11,000ล้านบาท
"เฉลี่ยจะเปิดคอนโดมีเนียม 2-3 โครงการ ต่อปี และแนวราบราว 4-5 โครงการ วางระดับราคาอยู่ที่ 8-9 ล้านบาทต่อยูนิต รวมถึงโครงการพูล วิลล่า ระดับราคา 40-50 ล้านบาทต่อยูนิต โดยใช้ที่ดินที่มีอยู่ และจัดซื้อเพิ่มในอนาคต เพื่อรองรับแผนธุรกิจดังกล่าว ด้วยมองเห็นโอกาสการเติบโตของอสังหาฯ ภูเก็ต อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่่ได้เข้าไปพัฒนาอสังหาฯในภูเก็ต 13 ปี เปิดโครงการทั้งสิ้น 27 โครงการมียูนิตสะสม 8,300 ยูนิตคิดเป็นมูลค่ากว่า 26,590 ล้านบาท "