‘รับสร้างบ้าน’ปี68เดือดผู้รับเหมาแข่งหั่นราคารุกชิงลูกค้าต่างจังหวัด
สมาคมรับสร้างบ้าน ชี้ตลาดรับสร้างบ้านปี 2568 ส่งสัญญาณแข่งแรง หลังอสังหาฯ เบรกเปิดโครงการใหม่ “ผู้รับเหมา” หันเปิดศึกหั่นราคาแข่ง เจาะบ้านต่ำ 3 ล้านพื้นที่ต่างจังหวัด หวั่นปัญหา “ทิ้งงาน” ขยายตัว แนะผู้ประกอบการบริหารต้นทุน รักษามาตรฐานคุณภาพงาน
นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้าน ปี 2568 โดยรวมสัญญาณค่อนข้างดีขึ้นจากปัจจัยสนับสนุน ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ย ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจมากขึ้นจากนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ส่งผลให้ผู้ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยเริ่มกลับมาตัดสินใจสั่งสร้างบ้านใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มระดับราคา 10-20 ล้านบาทขึ้นไป ที่มีลูกค้ามีกำลังซื้อสูงไม่มีปัญหาการขอสินเชื่อจากธนาคาร แม้กระนั้นปัจจัย “ความเชื่อมั่น” ทางเศรษฐกิจยังคงมีผลต่อการตัดสินใจสร้างบ้าน
ขณะที่แนวโน้มการแข่งขันในปี 2568 คาดว่าจะรุนแรงขึ้น จากการที่ผู้รับเหมาในโครงการอสังหาริมทรัพย์หันมารับงานสร้างบ้านเพื่อความอยู่รอดในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและมีความไม่แน่นอนสูง โดยส่วนใหญ่ที่พบจะเน้นรับก่อสร้างบ้านในราคาที่ต่ำกว่าตลาดรับสร้างบ้านทั่วไป ยกตัวอย่างในกรุงเทพฯ และปริมณฑลราคาต่อตารางเมตร อยู่ที่ 20,000 บาท ต่างจังหวัดต่ำสุดอยู่ในภาคเหนือราคาประมาณ 16,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนภาคอีสานและภาคใต้ใกล้เคียงกันราคาต่อตารางเมตร อยู่ที่ 18,000-19,000 บาท จึงมีความกังวลว่าจะมีผลต่อมาตรฐานการก่อสร้างและปัญหาการ “ทิ้งงาน” ที่อาจเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังปี 2568
“การรับสร้างบ้านในราคาที่ต่ำอาจส่งผลต่อคุณภาพงาน นอกจากนี้หากเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้เข้าระบบภาษีมารับงาน อาจทำสัญญาที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านได้ ซึ่งสมาคมฯ เตรียมให้สมาชิกรับมือกับการแข่งขันที่เกิดขึ้น โดยเน้นที่การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาคุณภาพงานที่ดีและได้มาตรฐาน”
สร้างบ้านราคา 10-20 ล้านขยายตัว
นายโอฬาร กล่าวต่อว่า แม้ว่าภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านยังรอจังหวะฟื้นตัวของกำลังซื้อ แต่ในเซกเมนต์บ้านระดับราคา 10-20 ล้านบาท กลับได้รับความสนใจมากขึ้นจากผู้ที่กำลังวางแผนสร้างบ้าน นับจากยอดสั่งสร้างบ้านภายในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2024 ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนก.ย. 2567
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยด้านดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจสร้างบ้าน รวมไปถึงการรุกทำตลาด และรับคำสั่งสร้างบ้านในต่างจังหวัดมากขึ้น จากเดิมที่บริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯจะเน้นเจาะตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นหลัก จึงเป็นโอกาสใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568
“ความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวยังคงเป็นสิ่งที่สมาคมฯ จับตามองอย่างใกล้ชิด ทั้งปัญหาการว่างงาน อัตราเงินเฟ้อ หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อในระดับกลางถึงล่าง อาจประสบปัญหาการจัดการหนี้สิน ทำให้ยกเลิกหรือชะลอการสร้างบ้านออกไป”
ขณะเดียวกัน ยังมีปัจจัยที่น่าจับตามอง ในเป็นประเด็นค่าแรงที่เพิ่มขึ้นและแรงงานหายาก รวมถึงต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนสร้างบ้านเพิ่มขึ้น นำไปสู่การ “ชะลอ” ตัดสินใจสั่งสร้างบ้านของผู้บริโภค คาดว่าจะได้เห็นสัญญาณที่ดีในไตรมาส 2 ปี 2568 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
รวมถึงเป็นผลตอบรับจากปัจจัยบวกจากแรงจูงใจด้านการลดหย่อนภาษีการสร้างบ้าน สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน มูลค่า 1 ล้านบาท สามารถหักลดหย่อนภาษี 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท ราคาไม่ เกิน 10 ล้านบาท โดยเป็นบ้านสั่งสร้างที่มีการเซ็นสัญญา และเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ 9 เม.ย.2567 ถึง 31 ธ.ค.2568 อีกทั้ง การปรับกลยุทธ์ของบริษัทรับสร้างบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการบ้านแนวคิดใหม่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบสมาร์ทโฮม บ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และบ้านประหยัดพลังงาน
สำหรับภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2567 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ค่าครองชีพสูงจากต้นทุนสินค้าที่ปรับตัว ส่งผลต่อรายได้ของผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มที่กำลังวางแผนสร้างบ้านชะลอการตัดสินใจออกไป ทำให้คาดการณ์มูลค่ารวมยอดเซ็นสัญญาสั่งสร้างบ้านของบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ ในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท จากเป้าหมายต้นปี 2567 วางไว้ 12,000 ล้านบาท