'บ้านมือสอง'เนื้อหอม!นักลงทุนแห่ซื้อเงินสดหวังฟันกำไร
ตลาด บ้านมือสองเนื้อหอม นักลงทุน สบช่องเล็งเห็นโอกาสตลาดบ้านมือสองราคาคุ้มค่าต่อการลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA ราคาที่ต่ำกว่ามือหนึ่ง สร้างผลตอบแทนสูง
KEY
POINTS
- แนวโน้มบ้านมือสองคึกคัก เมื่อโครงการบ้านและคอนโดใหม่ราคาปรับตัวสูงขึ้น
- ขณะที่จำนวนทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA ของสถาบันการเงินและบริษัทบริหารสินทรัพย์เพิ่มขึ้น
- นักลงทุนมองว่าเป็นโอกาส ซื้อบ้านมือสองในราคาถูกมาขายต่อเพื่อทำกำไร
เมื่อมองย้อนกลับไปในปี 2567 ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็น"บ้านมือหนึ่ง"หรือ"บ้านมือสอง"ต่างเผชิญกับภาวะ"ซบเซา"อย่างต่อเนื่อง ปัญหาทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดไม่ฟื้นตัวได้อย่างที่คาดหวัง ปัญหาการว่างงานจากการปิดกิจการและหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ความเชื่อมั่นในด้านการบริโภค"ลดลง" รวมถึงการขอสินเชื่อที่มีความยากลำบากขึ้น สถาบันการเงินต่างก็มีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
จากข้อมูลของบริษัทให้บริการซื้อขายบ้านมือสอง ระบุว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนและความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อทำให้ลูกค้ากว่าครึ่งหนึ่งไม่สามารถขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ แม้ว่าบ้านมือสองจะมีราคาที่คุ้มค่าและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแต่"ปัญหาการเงิน"เป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้ตลาดเงียบเหงา!
อย่างไรก็ตามท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจที่"ชะลอตัว" ทำให้ตลาดบ้านมือสองยังคงมีความน่าสนใจจากกลุ่ม"นักลงทุน"ที่มีศักยภาพในการซื้อทรัพย์สินด้วย"เงินสด" โดยเฉพาะในทรัพย์จากสถาบันการเงินที่มักมีการจัดโปรโมชั่นราคาและเงื่อนไขที่น่าสนใจ สิ่งนี้ทำให้บางกลุ่มของนักลงทุนเห็น"โอกาส"ในการสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์มือสองในราคาที่ต่ำกว่ามือหนึ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มทรัพย์สินรอการขาย หรือ Non-Performing Asset(NPA)หรือทรัพย์ที่ถูกบริหารโดยบริษัทบริหารสินทรัพย์
ดรุณี รุ่งเรืองผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาร์วิด พร๊อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าในปี 2567 ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะประสบกับความท้าทายจากปัญหาทางเศรษฐกิจและการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ แต่ก็ยังมี"โอกาส"ในการฟื้นตัว โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนที่มีศักยภาพ และหากภาครัฐสามารถดำเนินมาตรการช่วยเหลือต่อเนื่อง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มือสองมีแนวโน้มที่จะกลับมาเติบโตในปี 2568 เพราะมีราคาที่คุ้มค่าต่อการลงทุน
ภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์ผ่านมาตรการช่วยเหลือด้านภาษีและค่าธรรมเนียมการโอน โดยในปี2567 ภาครัฐได้มีการลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือเพียง 0.01% ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจและกระตือรือร้นในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น หากภาครัฐสามารถต่อยอดมาตรการนี้ในปี 2568 เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดดีขึ้น
"ในช่วงที่ผ่านมามีการจัดโปรโมชั่นลดราคาทรัพย์สินมากถึง 20-30% ซึ่งทำให้ตลาดเริ่มมีการเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะทรัพย์สินจากสถาบันการเงินหรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ หากมีการจัดโปรโมชั่นเพิ่มเติมในปีหน้าจะสามารถกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้มากขึ้น"
นอกจากนี้ การลงทุนในอสังหาฯยังคงมีความน่าสนใจ เนื่องจากผู้ลงทุนยังมองว่าการซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะประเภทที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะยังชะลอตัว