4เซียนอสังหาฯเปิดคัมภีร์แก้ชงปีมะเส็ง แนะรักษาสภาพคล่อง-ระวังการลงทุน
4เซียนอสังหาฯเปิดคัมภีร์แก้ชงปีมะเส็ง ความไม่แน่นอนสูง แนะรักษาสภาพคล่องและระมัดระวังในการขยายธุรกิจ คุมซัพพลายสอดคล้องดีมานด์ในแต่ละพื้นที่สกัดปัญหาโอเวอร์ซัพพลาย ชูคุณภาพการบริการ บริหารกระแสเงินสดเพื่อลดความเสี่ยง
อธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร มองว่าเศรษฐกิจและตลาดอสังหาฯ ปี 2568 จะยังคงเจอความท้าทายไม่ต่างจากปี 2567 โดยเฉพาะในด้านดีมานด์ที่คาดว่า"ไม่ฟื้นตัว" ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ ในขณะที่ภาคส่งออกยังไม่เติบโตและเศรษฐกิจต่างประเทศมีปัญหาส่งผลให้ะดีมานด์ต่างประเทศยังกลับเข้ามาไม่เต็มที่ ผนวกกับมาตรการควบคุมการนำเงินออกนอกประเทศส่งผลกระทบต่อการซื้ออสังหาฯของต่างชาติ ขณะที่รายได้ของคนไทยอ่อนแอลงทำให้ยอดขายสินค้าหดตัวจึงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ ในปี 2568
จากข้อมูลดังกล่าวสะท้อนภาพสถานการณ์ที่ค่อนข้างมีปัจจับลบมากกว่าปัจจัยบวก จึงแนะนำให้ผู้ประกอบการระมัดระวังเรื่อง"สภาพคล่อง" โดยเฉพาะการขยายธุรกิจและการลงทุนที่ยังคงมีความเสี่ยงสูง ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเงิน ที่สำคัญคือสถานการณ์"ปัญหาหุ้นกู้"ที่ไม่สามารถชำระได้ตามกำหนด ซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบอย่างกว้างในภาคอสังหาฯ แนะนำให้ผู้ประกอบการรักษาสภาพคล่อง และระมัดระวังในการลงทุนมากเป็นพิเศษ
อิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองว่าเศรษฐกิจและตลาดอสังหาฯ ในปี 2568 จะฟื้นตัวจากปี 2567 เนื่องจากเปิดตัวโครงการลดลงอย่างชัดเจน ทำให้การเปิดตัวในปี 2568 จะสูงขึ้นและการโอนกรรมสิทธิ์จะเติบโต 5% อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมองในแง่บวกเกี่ยวกับการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ ในปี 2568 แต่ก็เน้นย้ำว่าผู้ประกอบการต้องระมัดระวังในเรื่องของการคุมซัพพลายไม่ให้เกินความต้องการ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น Precast และ AI ในการลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการผลิต ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาดได้ดีขึ้น
"ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังในการพัฒนาโครงการใหม่ ในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละทำเล มิเช่นนั้นอาจเกิดปัญหาโอเวอร์ซัพพลายตามเหมือนสมัยก่อน"
สุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ระบุว่าแม้การฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ ในปี 2568 จะมีโอกาสดีขึ้นจากปี 2567 แต่ความท้าทายจากกำลังซื้อที่ยังคงอ่อนแอและการแข่งขันจากผู้ประกอบการต่างชาติจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องรับมือ โดยเฉพาะในตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านระดับบน
เขามองว่าความสามารถในการแข่งขันจะอยู่ที่ "คุณภาพและการบริการ"ที่เหนือกว่า หากผู้ประกอบการไทยสามารถยกระดับคุณภาพและการบริการได้ ก็จะมีข้อได้เปรียบเหนือผู้ประกอบการต่างชาติ แม้ว่าต้นทุนวัสดุก่อสร้างจากจีนต่ำกว่า ถือเป็นความท้าทายในการแข่งขันในตลาดอสังหาฯไทย
ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย มองว่าในปี 2568 อาจเจอปัจจัยลบหลายด้าน เช่น อัตราดอกเบี้ยที่สูง ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้น และนโยบาย LTV ที่จำกัดการเข้าถึงสินเชื่อ ทำให้ตลาดอสังหาฯ ในกลุ่มตลาดกลางล่างยังคงได้รับผลกระทบเหมือนปี 2567 ถือเป็นปัจจัยลบและความท้าทายทางการเงินสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนในภาคอสังหาฯในปีนี้
"ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังในการลงทุนและบริหารกระแสเงินสดอย่างรอบคอบเนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายเหมือนสมัยก่อนจึงต้องการศึกษาตลาดให้ดีและการปรับตัวตามสถานการณ์ตลอดเวลา"