‘ดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์’ภารกิจฟื้นฟู LPN ผงาด ‘TOP10’ โกย 1.5 หมื่นล้าน ใน 5 ปี

‘ดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์’ภารกิจฟื้นฟู LPN ผงาด ‘TOP10’ โกย 1.5 หมื่นล้าน ใน 5 ปี

พิสูจน์ฝีมือ ‘ดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์’ภารกิจฟื้นฟู LPN ผงาด ‘TOP10’ โกย 1.5 หมื่นล้าน ใน 5 ปีภายใต้กลยุทธ์หลากหลายทั้งเปิดน่านน้ำใหม่ตลาดต่างประเทศ ผนึกพันธมิตรร่วมทุน ผุดธุรกิจใหม่ ปล่อยเช่า เวลเนส ตามเทรนด์เพิ่มรายได้ ลดเสี่ยง

“ดาว-ดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์” รับตำแหน่งซีอีโอหญิงคนแรกของ "แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์"  เมื่อปี 2567 กับก้าวสำคัญที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาส สานภารกิจใหญ่เคลื่อนธุรกิจกลับสู่ “Top 10” กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย! ภายใน 5 ปี วางกลยุทธ์หลากหลายทั้งเปิดน่านน้ำใหม่ตลาดต่างประเทศ ผนึกพันธมิตรร่วมทุน ผุดธุรกิจใหม่ ปล่อยเช่า เวลเนส ตามเทรนด์เพิ่มรายได้ ลดเสี่ยง

ดารณี ในวัย 38 ปี เป็นบุตรสาวคนที่ 2 ของ "ชาญยุทธ ฉัตรพิริยะพันธ์" ผู้ปลุกปั้นธุรกิจรีไซเคิล “เมทัล คอปเปอร์” รีไซเคิลเศษโลหะ อาทิ ทองแดง และอลูมิเนียม เพื่อส่งขายทั้งในและต่างประเทศ  

โดยก่อนที่ดารณีจะนั่งเก้าอี้ซีอีโอ LPN เริ่มต้นจาก “ฟ้า-วรัญญา ฉัตรพิริยะพันธ์” พี่สาวคนโตของเธอ เข้าลงทุนหุ้น LPN สะท้อนถึงความมั่นใจในศักยภาพธุรกิจ ด้วยมุมมองที่ว่า LPN เป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 30 ปี มีโมเดลธุรกิจที่ครบเครื่องตั้งแต่ธุรกิจการพัฒนาที่อยู่อาศัย ธุรกิจการบริหารจัดการอาคาร ธุรกิจด้านการวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจการก่อสร้าง งานวิศวกรรม และธุรกิจการบริหารงานขาย ที่สำคัญสามารถเติบโตได้ในระยะยาว!
 

“จึงมั่นใจและตัดสินใจเข้าลงทุนในหุ้น LPN โดยขายหุ้นตัวอื่นเพื่อมาซื้อหุ้นตัวนี้ ! แม้ที่ผ่านผลประกอบการไม่ได้ดีมาก แต่เชื่อว่า สามารถไปต่อได้ ไม่ได้แย่ จึงทยอยซื้อเก็บสะสมมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2564 กระทั่งปี 2566 สัดส่วนการถือหุ้นทะยานขึ้นไปที่ 17.91% กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการพัฒนาและกลยุทธ์ของบริษัทในอนาคต"

‘ดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์’ภารกิจฟื้นฟู LPN ผงาด ‘TOP10’ โกย 1.5 หมื่นล้าน ใน 5 ปี

ภารกิจใหญ่สู่ Top 10 ใน 5 ปี

“ดารณี” ได้รับมอบหมายให้นั่งตำแหน่งซีอีโอ มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ “เป้าหมายสำคัญของเราคือการนำ LPN กลับสู่ Top 10 ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใน 5 ปี จากผลการดำเนินงานครึ่งปี 2567 LPN มีรายได้รวม 3,784 ล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 15 เทียบกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นั่นหมายความว่าจะต้องมียอดขาย 15,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับตัวเลขที่เคยทำได้สูงสุด...”
 

เป้าหมายนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย! โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากภาวะเงินเฟ้อ การปรับขึ้นดอกเบี้ย และการปรับเปลี่ยนของนโยบายการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ท่ามกลางการต่อสู้กับคู่แข่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ดีกรีความดุเดือดไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด

หัวใจสำคัญเสถียรภาพทางการเงิน

ภายใต้ความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ดารณี เน้นการบริหารการเงินอย่างเข้มข้น เพราะเธอเชื่อว่า “ความแข็งแกร่งทางการเงินขององค์กร คือ หัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจสามารถฝ่ามรสุมไปได้ LPN เคยผ่านวิกฤติการเงินมาแล้วหลายครั้ง และผ่านมาได้ด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เป้าหมายต่อไป คือ การลดหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุนเพื่อให้บริษัทมีเสถียรภาพและความมั่นคงทางการเงินมากยิ่งขึ้น"

เธอให้ความสำคัญกับการลดสินค้าคงเหลือ (inventory) โดยการแปลงสินค้าคงเหลือให้กลายเป็นเงินสดที่สามารถนำมาใช้ชำระหนี้และเพิ่มกระแสเงินสดให้กับบริษัท ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในปัจจุบัน

ภาพรวม “สต็อกพร้อมอยู่” ของ LPN มูลค่า 9,000 ล้านบาท เป็นโครงการบ้าน มูลค่า 1,000 ล้านบาท อีก 8,000 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ และชะอำ มูลค่า 500 ล้านบาท ในปี 2567 ขายได้ 70%  ปี 2568 เหลือขายไม่มากนัก คาดใช้เวลาระบายสต็อกไม่เกิน 2 ปี

LPN ยุคใหม่มุ่งเติบโตมั่นคง

ภายใต้การนำของดารณี ใน 5 ปีข้างหน้า LPN ไม่เพียงแต่จะกลับมามีการเติบโตในด้านรายได้ แต่จะเป็นองค์กรที่ยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งการพัฒนาที่อยู่อาศัยคุณภาพ การบริหารการเงินที่มีเสถียรภาพ และการสร้างชุมชนน่าอยู่  ทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับ LPN สามารถแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ในระยะยาว ด้วยการปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ เปิดมิติใหม่ให้ LPN โดยการเชื่อมต่อตลาดในและต่างประเทศ การพัฒนาธุรกิจใหม่ เช่น การพัฒนาโครงการเพื่อปล่อยเช่า ธุรกิจเวลเนส รับเทรนด์ผู้สูงวัยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น การเปิดน่านน้ำใหม่ในธุรกิจที่มีศักยภาพด้วยการร่วมทุนกับพันธมิตรเพื่อลดความเสี่ยง ให้ผลตอบแทนสูง

เริ่มจากการพัฒนา “โครงการขนาดเล็ก” นำร่อง อย่างการพัฒนาโครงการเช่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ หรือกลุ่มผู้ซื้อที่ขณะนี้กำลังซื้อลดลง รวมทั้งรองรับดีมานด์ต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่ม ดิจิทัลนอแมด (Digital Nomad)

อย่างไรก็ตาม จากนโยบายของผู้บริหารที่ผ่านมา สามารถลดต้นทุนทางการเงิน ลดภาระหนี้ ด้วยการลดดอกเบี้ยและตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ทำให้ปี 2568 มีความคล่องตัวขึ้น มีเงินเหลือพอที่จะซื้อหุ้นคืนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 100 ล้านบาท และมีงบที่ซื้อที่ดินเพิ่ม 2,000 ล้านบาท เน้นซื้อแปลงเล็กไม่เกิน 3 ไร่ มาพัฒนาโครงการขนาดเล็กเพื่อขายหมดเร็ว

“ปีที่ผ่านมาเป็นการตั้งหลัก เน้นระบายสต็อก ปีนี้ยังคงระมัดระวัง ประหยัดค่าใช้จ่าย เป็นปีของการเก็บคองอเข่า ตามที่ประธานบริหารกล่าวไว้ เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจไทยและทั่วโลก จึงเป็นที่มาของธีมการทำงาน แบบ Healthy Resilience ยืดหยุ่น พร้อมปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”

ในปี 2568 วางแผนเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่า 6,000 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ย่านสุขุมวิท 77 และรามอินทรา บ้าน 2 โครงการ ทำเลสะพานเจษฎา และถนนอุทยาน (ถนนอักษะ) สาย4 ตั้งเป้ายอดขาย 8,500-9,000 ล้านบาท

หนุนธุรกิจเติบโตยั่งยืนระยะยาว

ดารณี ตั้งเป้าหมายผลักดัน LPN เติบโตในอัตรา 5-10% ต่อปี เน้นสร้างรายได้ระยะยาวจากบริการหลังการขาย การบริหารชุมชน และการปล่อยเช่าพื้นที่ภายในโครงการ ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงิน ทำให้ LPN แข่งขันได้ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ระยะยาว

"เราต้องการพัฒนาโครงการที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะสมในราคาที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ สร้างความยั่งยืนทั้งด้านการบริหารและบริการที่ LPN ให้กับลูกค้า"