‘กรณ์​ ณรงค์เดช’ แห่งไรมอนแลนด์ ปักหมุด ‘OCC’ แลนด์มาร์กเพลินจิต

‘กรณ์​ ณรงค์เดช’ แห่งไรมอนแลนด์  ปักหมุด ‘OCC’ แลนด์มาร์กเพลินจิต

อาณาจักร ไรมอน แลนด์ ภายใต้การนำทัพ “กรณ์ ณรงค์เดช” กับหนึ่งเรือธงโครงการ “OCC" ลักชัวรีออฟฟิศ A+ กลางเพลินจิต มูลค่า 1.48 หมื่นล้าน เปิดบ้านต้อนรับสื่อเครือเนชั่น กรุ๊ป

กรณ์ ณรงค์เดช กรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการ OCC (One City Centre) ลักชัวรีออฟฟิศ มีพื้นที่ทั้งหมด 61,000 ตร.ม. สูง 61 ชั้น ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ถึงระดับ 78% ด้วยฐานลูกค้าหลักจากบริษัทข้ามชาติเข้ามาตั้งสำนักงานในไทย ส่วนใหญ่เป็นสัญญาระยะยาว 3 ปี บวก 3 ปี และต่อเพิ่มอีก 3 ปี รวม 9 ปี ทำให้โครงการก้าวสู่จุดคุ้มทุน (Break Even Point) จากรายได้ประจำ เข้ามาสูงมากกว่าค่าใช้จ่ายบริหารโครงการ ประเมินว่าจะสร้างรายได้ประจำปีละ 800-900 ล้านบาท

“เราไม่ได้สร้างตึก อยากให้ OCC เป็นแลนด์มาร์ก ให้คนทำงานในตึกนี้ภาคภูมิใจได้ทำงานในอาคารที่ออกแบบสถาปัตยกรรมของไทยที่ไปไกลมาก ตอกย้ำกรุงเทพฯ เป็นมหานครสำคัญของโลก เป็นแลนด์มาร์กที่ทุกคนต้องมาเช็กอิน ถ่ายรูป โดยเฉพาะจุดยอดนิยมด้านหน้าอาคาร”

‘กรณ์​ ณรงค์เดช’ แห่งไรมอนแลนด์  ปักหมุด ‘OCC’ แลนด์มาร์กเพลินจิต

โครงการ OCC ดึงดูดบริษัทระดับโลกเข้ามาเปิดสำนักงานจำนวนมาก ทั้งกลุ่มสถาบันการเงิน อาทิ เจพี มอร์แกน ธนาคารบีเอ็นพีพารีบาส์ (BNP Paribas) กลุ่มเทรดดิ้งบิ๊กคอร์ปจากญี่ปุ่น มารูเบนิ กลุ่มแฟชั่น คอร์ติน่า วอทช์ และแบรนด์ลักชัวรี ดิออร์ รวมถึง “มิตซูบิชิ เอสเตท” อสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่และเป็นบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ในโครงการ OCC รวมทั้งบริษัทในเครือกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท  และกลุ่มหลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์บียอนด์ จํากัด (มหาชน) หรือ BYD เป็นต้น

การที่มีโกลบอลคอมปะนีเข้ามาเปิดสำนักงานจำนวนมาก สะท้อนความเชื่อมั่นต่อโครงการรับเมกะเทรนด์ทั่วโลกในด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยพื้นที่อาคารราว 50% เป็นพื้นที่สีเขียว มีการออกแบบอาคารประหยัดพลังงานทั้งการดูแลเรื่องอากาศ ป้องกันฝุ่น PM2.5 ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก การดูแลความปลอดภัย การออกแบบโซนอาหารรองรับอาหารเพื่อสุขภาพ รวมถึงการเดินทางที่มีความสะดวกใกล้รถไฟฟ้า จอดรถได้ 837 คัน เป็นระบบจอดรถอัตโนมัติ 400 คัน พื้นที่จอดรถแบบธรรมดา 437 คัน

“โครงการก่อสร้างช่วงโควิด-19 พอดี จึงล่าช้าจากแผนราว 2 เดือน แต่ต้นทุนดำเนินการเพิ่มขึ้นไม่ถึง 3% มาจากการดูแลต้นทุนที่ดีมาก แม้จะเป็นอาคารที่มีการลงทุนสูงกว่าอาคารทั่วไป ทั้งการออกแบบระบบ การดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่ผลตอบรับที่เกิดขึ้นสะท้อนว่า บริษัทโกลบอลให้ความสำคัญเรื่องนี้ในระดับสูง และเช็กลิสต์ก่อนเช่าพื้นที่”

‘กรณ์​ ณรงค์เดช’ แห่งไรมอนแลนด์  ปักหมุด ‘OCC’ แลนด์มาร์กเพลินจิต

ย่านเพลินจิตแข่งขันสูง “ยิ่งท้าทาย”

สำหรับ อัตราราคาเช่าพื้นที่ของ OCC ปัจจุบันเฉลี่ย 1,500 บาท ต่อตร.ม. ปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 1,400 บาทต่อ ตร.ม. ประเมินว่าระยะยาวย่านเพลินจิตแม้จะมีอาคารสำนักงานใหม่เปิดเพิ่มขึ้น ยังไม่กระทบต่อโครงการ

"ย่านเพลินจิต เปรียบเสมือนย่านกินซ่า ของประเทศไทย ที่รวบรวมแบรนด์ลักชัวรี สำนักงานลักชัวรี เป็นย่านซีบีดีลักชัวรี ของประเทศไทย และการแข่งขันที่มากขึ้น ยิ่งชอบ! เพราะทำให้เราไม่หยุดนิ่ง พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ แต่เชื่อว่าสุดท้ายการแข่งขันที่มากขึ้น ทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์ ยกระดับพัฒนา เจริญมากขึ้นสุดท้ายคนในประเทศก็ได้ประโยชน์อยู่ดี”

โครงการ OCC ยังเข้ามาเติมพอร์ตโฟลิโอของไรมอนแลนด์ให้มีรายได้ประจำจากที่ผ่านมาเน้นโครงการคอนโดมิเนียมเพียงอย่างเดียว ต้องใช้เวลารับรู้รายได้ถึง 3 ปี ซึ่งหากอัตราการเช่าพื้นที่เต็มโครงการ OCC จะสร้างรายได้ประจำ 1,000 ล้านบาท

สำหรับ OCC เปิดดำเนินการ 1 ก.ค. 2566 มีความสูง 61 ชั้น มีพื้นที่โค-เวิร์กกิงสเปซ “JustCo” ขนาด 5,228 ตร.ม. บนชั้น 37-40 พร้อมสกายรูฟท็อปบาร์แบรนด์ “หนุมาน” อาคารออกแบบโดดเด่นเน้นดูแลสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม ได้การรับรองจากองค์กรระดับโลก เช่น Fitwel จาก Center for Active Design (CfAD) สหรัฐอเมริกา และ LEED Gold Certified จาก U.S. Green Building Council (USGBC) มีพื้นที่สีเขียว 3 ไร่ ราว 5,000 ตร.ม. นับเป็นพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ใจกลางเมือง

ปี 2568 เปิด 3 โครงการ 1.8 หมื่นล้าน

กรณ์ กล่าวต่อว่า แผนธุรกิจของไรมอนแลนด์ปี 2568 นอกจากการขับเคลื่อนธุรกิจออฟฟิศเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ยังวางแผนขยาย 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 18,000 ล้านบาท เป็นโครงการพัทยา ภูเก็ต และกรุงเทพฯ จะทยอยเปิดโครงการแรกพัทยาในช่วงไตรมาสสอง จากนั้นเป็นโครงการภูเก็ต และกรุงเทพฯ

“การพัฒนาโครงใหม่ จะให้ความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น เพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมยังชะลอตัว แต่ตลาดที่มีการขยายตัวคือกลุ่มลักชัวรีขึ้นไป สอดคล้องกับแผนของไรมอนแลนด์ เน้นลักชัวรีและอัลตร้าลักชัวรี ที่มีดีมานด์สูง แบรนด์ยังมีฐานลูกค้าประจำที่มีความเชื่อมั่นในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ทั้งกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติ ประกอบกับหลายโครงการที่มีพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนด้วย”

กลุ่มมั่งคั่งสูงปั้นพอร์ตลงทุนอสังหาฯ

เทรนด์สำคัญที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลุ่มลักชัวรีขยายตัวมาจากความสนใจของกลุ่มนักลงทุนและกลุ่มคนที่มีเงินออมมากกว่า 50 ล้านบาท ต่างเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น เพราะสามารถสร้างผลตอบแทนต่อปีในระดับสูง จากเดิมเน้นลงทุนในตลาดหุ้นและซื้อพันธบัตรมากกว่า 

รวมถึงสนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือ ซื้อบ้านหลังที่สอง ของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวอังกฤษ สนใจซื้อบ้านหลังที่สองในไทย ซึ่งเป็นประเทศที่พร้อมเปิดรับทุกเชื้อชาติ ให้การยอมรับในความเท่าเทียมของทุกเพศ รวมถึงการมีโครงสร้างพื้นฐานและค่าครองชีพที่เหมาะสม มีความปลอดภัยในการอยู่อาศัย

“หากสำรวจมหานครใหญ่ทั่วโลก โครงการอสังหาริมทรัพย์ใจกลางเมืองมีแต่ราคาปรับเพิ่มขึ้น แม้ปีนี้ชาวจีนอาจจะยังไม่กลับมา แต่มีกลุ่มใหม่จากเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา กัมพูชา ที่มีฐานกลุ่มคนที่มีรายได้สูงประมาณ 1% ก็สนใจเข้ามาเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย แนะนำคนที่รู้จักให้เข้ามาซื้อต่อเนื่อง”

ประเมินว่า จากแผนที่วางไว้จะทำให้ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทกลับมาสร้างผลกำไรอีกครั้ง ยอดขายปี 2568 จะอยู่ที่ 7,500 ล้านบาท ขยายตัว 80-90% จากปีก่อน ที่สร้างรายได้มากกว่า 3,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางหลายปัจจัยที่ต้องติดตามในตลาดโลกและประเทศไทยที่กระทบต่อตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ไทย อาจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวพอสมควร ทำให้ช่วงปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการหลายรายปรับมาลงทุนโครงการลักชัวรี เพราะเป็นตลาดที่ลูกค้ามีกำลังซื้อแข็งแกร่ง สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อง่ายกว่ากลุ่มอื่นๆ

“อยากเสนอให้ภาครัฐปรับสัดส่วนการซื้อที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติโครงการไฮไรส์ให้เพดานเพิ่มขึ้นมาที่ 60-70% จาก 49% เพราะเป็นปัจจัยช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมได้”