อสังหาฯซึมยาวซีอีโอ‘พฤกษา’ปรับตัวลุยบ้านพรีเมียม-รพ.

“ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์” ซีอีโอพฤกษาเตรียมรับมือเศรษฐกิจไทย-ทั่วโลกตกต่ำ สะเทือนอสังหาฯซึมยาวหันโฟกัสบ้านพรีเมียมควบคู่รพ.ตั้งเป้าปีนี้ 2.3 หมื่นล้าน
ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกตกต่ำ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยเผชิญภาวะชะลอตัว นับเป็นโจทย์ใหญ่ของ "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์” ในฐานะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ พฤกษา โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นการกลับมานั่งเก้าอี้นี้อีกครั้งในรอบ 5 ปี
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ช่วง 2-3 ปีจากนี้ตลาดหดตัวเล็กลง พฤกษามุ่งปรับตัวพัฒนาโครงการสอดคล้องขนาดของตลาด ซึ่งปีนี้ต้องยอมรับว่าภาคเศรษฐกิจทั้งประเทศไทยและทั่วโลกตกต่ำ การจะขยายธุรกิจไปข้างหน้าต้องพิจารณา 2-3 ปี รอจังหวะเวลาที่เหมาะสม
“ปีนี้และปีหน้าเราไม่มีการลงทุนเพิ่ม พยายามทำปีนี้ให้ดีก่อน โดยโฟกัส อสังหาริมทรัพย์และเฮลธ์แคร์ ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมราคาถูกคงไม่ทำเพราะลูกค้าหายหมดแล้ว แต่ถ้ามีลูกค้าเราก็ทำ”
ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมา ได้มีการขายที่ดินเก่าราว 1,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็นำที่ดินบางแปลงมาพัฒนาโครงการเวลเนส เรสซิเดนซ์ เป็นที่อยู่อาศัยผนวกการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเซ็กเตอร์เฮลท์แคร์ หรือธุรกิจโรงพยาบาลยังคงขยายตัวดี ปีนี้มีแผนก่อสร้างโรงพยาบาลทำเลทองหล่อ และมีแผนเปิดตัวโรงพยาบาลย่านสุขุมวิทและปิ่นเกล้าในอนาคต
“ผมคงเข้ามาทำหน้าที่ดูแลพฤกษาอีก 2-3ปี แต่ระยะยาวจะหาผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาดูแล จากปัจจุบันมีรายได้ 20,000 ล้านบาท ให้เพิ่มขึ้น ส่วนการทำให้กำไรกลับมา 1,000 ล้านบาท ไม่น่าเป็นเรื่องยาก เพราะเคยทำได้ไม่น่ามีปัญหา ที่ผ่านกำไรน้อย ปีนี้ก็ต้องพยายามมากขึ้นด้วยการบริหารเรื่องการขายและค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น จะมีส่วนทำให้อัตรากำไรสูงขึ้นได้”
นายทองมา กล่าวต่อว่า 2-3ปี ที่ผ่านมา พฤกษาลงทุนในด้านกองทุนจากต่างประเทศและ คลังสินค้าที่บางนาภายใต้โครงการโอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส ซึ่งเป็นคลังสินค้าอัตโนมัติขนาดใหญ่ที่รวมระบบคลังสินค้าไว้ที่ศูนย์กลาง คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2569 จะเป็นรายได้ประจำสม่ำเสมอ(Recurring)ให้กับบริษัทในอนาคต
ฟันธงปีนี้เศรษฐกิจโลก-ไทยไม่ดี
“เศรษฐกิจภาพรวมในปีนี้ คงต้องยอมรับว่า ไม่ดีเท่าไร ทั้งของประเทศไทยและทั่วโลกก็คงได้รับผลกระทบกันหมดจากนโยบายกีดกันการค้า ในส่วนของมาตรการที่อยากจะได้จากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คือ การปลดล็อกมาตรการแอลทีวี ได้จะดีมาก เพราะจะทำให้ตลาดเติบโต เพราะผู้ซื้อยังคงมีความต้องการบ้านที่อยู่อาศัยอยู่ เพราะที่ผ่านมาจะมียอดการปฏิเสธสินเชื่อถึง50% ”
ปีที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารที่ยังคงสูงอยู่ ทำให้พฤกษามีรายได้รวมอยู่ที่ 21,000 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 456 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 31.3% โดยยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนต่ำที่ 0.31 เท่า
ชูกลยุทธ์เชิงรับ-เชิงรุกรับการแข่งขัน
ในปี 2568 พฤกษาตั้งเป้ารายได้รวม 23,500 ล้านบาท ชู 2 กลยุทธ์ ได้แก่ กลยุทธ์เชิงรับ เพื่อรักษาข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน ด้วยการบริหารสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นการจัดการและปรับโครงสร้างสินทรัพย์ให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของตลาด เสริมสร้างสภาพคล่องด้วยการรักษากระแสเงินสดและเสถียรภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง รองรับการลงทุนในอนาคต พร้อมปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนอย่างเป็นระบบและสม่ำเสมอ
ส่วนกลยุทธ์เชิงรุก เพื่อสร้างการเติบโตท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทาย ด้วยการออกแบบที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัย พร้อมขับเคลื่อนการลงทุนและเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพทั้งในและต่างชาติ
เปิด 22 โครงการใหม่ 2.3หมื่นล้าน
นายธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเสริมว่า ปี 2568 พฤกษาวางแผนเปิดตัว 22โครงการใหม่ มูลค่ารวม 23,400 ล้านบาท เป็นทาวน์เฮาส์ 8 โครงการ มูลค่า 4,900 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 9 โครงการ มูลค่า 10,400 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 8,100 ล้านบาท
พร้อมเน้นพัฒนาโครงการ “เวลเนส เรสซิเดนซ์” และโครงการที่มีจุดเด่นด้านทำเล เน้นแบรนด์ระดับบน อาทิ The Palm, The Reserve และ Chapter มีสัดส่วนสินค้าในกลุ่มราคามากกว่า 7 ล้านบาท 50% และโครงการใกล้เมืองมากขึ้น และมีขนาดเล็กลง ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
“ปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 19,800 ล้านบาท และยอดขายผ่านโครงการร่วมทุนอีก 3,200 ล้านบาท รวมถึงยอดโอน 18,700 ล้านบาท และยอดโอนผ่านโครงการร่วมทุนอีก 1,600 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะรับรู้เป็นกำไรจากการลงทุนในร่วมทุน”
บาลานซ์พอร์ตระบายสต็อก
โดยใช้กลยุทธ์เชิงรับเพื่อรักษาข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน ด้วยการพัฒนาโครงการใหม่จากที่ดินเดิมมูลค่า 2,900 ล้านบาท เร่งปิดโครงการเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ได้อีก 31 โครงการ และปรับสัดส่วนโครงการแนวราบจาก ทาวน์เฮาส์ ต่อ บ้านเดี่ยว จาก 60:40 เป็น 50:50 พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ด้วยการแบ่งโซนนิ่ง ครอบคลุมเป็น 6 โซนหลัก เและ การบริหารจัดการสินค้าคงคลังเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีจากอินโนพรีคาสท์ และ อินโนโฮม คอนสตรัคชั่น
ขณะกลยุทธ์เชิงรุก เพื่อสร้างการเติบโตท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทาย เร่งเปิดตัวโครงการใหม่ โดยจะเน้นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในระดับอัลตรา พรีเมียม เซกเมนต์ ภายใต้แบรนด์ THE RESERVE, THE PALM ที่ให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ (Well-being) พร้อมโอนคอนโดในปีนี้อีก 4 โครงการเพื่อรักษามาร์จิ้นในปีนี้
ด้านธุรกิจพรีคาสท์และก่อสร้าง เตรียมขยายการผลิตและบริการที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยโรงงานพรีคาสท์มีกำลังการผลิต 5.2 ล้านตารางเมตรต่อปี ปี 2568 ธุรกิจพรีคาสท์ตั้งเป้ารายได้ 2,100 ล้านบาท เน้นขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย เช่น ผนังน้ำหนักเบา กำแพงกันดิน และรั้วสำเร็จรูป ขณะที่ธุรกิจก่อสร้างตั้งเป้ารายได้ 5,400 ล้านบาท มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าทั้ง B2B และ B2C สำหรับการสร้างบ้านในระดับราคา 10 - 30 ล้านบาท
เล็งผุดโรงพยาบาลย่านทองหล่อ สุขุมวิท ปิ่นเกล้า
นายแพทย์สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า ปี 2567 กลุ่มวิมุตมีรายได้ 2,187 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน มีรายได้หลักมาจากศัลยกรรม การตรวจสุขภาพ การดูแลเด็ก แผนกฉุกเฉิน แผนกศัลยกรรมกระดูกและข้อ กระดูกสันหลัง สูตินรีเวช และระบบทางเดินอาหาร
ปี 2568 ตั้งเป้ารายได้ 2,600 ล้านบาท จากการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ทางด้านสุขภาพปอดจักษุ กระดูกสันหลัง ต่อมไร้ท่อ ศัลยกรรม กุมารเวชระบบทางเดินอาหารและตับ หัวใจและหลอดเลือด พร้อมการบริหารต้นทุน และการใช้ทรัพยากรในกลุ่มบริษัทฯ ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ จัดซื้อ การตลาด การเงิน เทคโนโลยีสารสนเทศ และ การพัฒนาด้านสุขภาพและการลงทุน เตรียมความพร้อมเพื่อเปิดโรงพยาบาลเฉพาะทางเพิ่มอีก 3 แห่ง ย่านทองหล่อ สุขุมวิท และปิ่นเกล้าเพื่อยกระดับที่อยู่อาศัยเพื่อสุขภาพและสร้างรายได้ในอนาคต