บิวท์ ทู บิวด์ ดึงผู้รับเหมาเสริมทัพแก้ส่งมอบช้าโกยยอดพันล้าน

บิวท์ ทู บิวด์ ดึงผู้รับเหมาเสริมทัพแก้ส่งมอบช้าโกยยอดพันล้าน

บิวท์ ทู บิวด์ หลังเผชิญปัญหาส่งมอบงานล่าช้า 1-6 เดือน เหตุงานล้นมือ!รับผู้รับเหมาจากค่าย ศุภาลัย แลนด์แอนด์เฮาส์ เอสซี เอสซีจี เสริมทีมตั้งเป้าโกยยอดปี68‘พันล้าน’

สุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปี 2568 ยังไม่ดีขึ้น เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจยังไม่ดี ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง และความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อต่อเนื่องมาจากปี 2567 แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะปรับดีขึ้นกว่าปีก่อน แม้กระนั้นเพื่อความไม่ประมาททางบริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้ลงเหลือ 1,000 ล้านบาทมีจำนวน 180-170 หลัง จากปีก่อนที่มียอดขาย900ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องการควบคุมมาตรฐานการก่อสร้างบ้านให้ดีที่สุดเพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ “บิวท์ ทู บิวด์” ซึ่งช่วง  2 ปีที่ผ่านมา มีกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านกับบริษัทเป็นจำนวนถึง 250 หลัง ในปี 2566 มีรายได้ 1,200 ล้านบาท และ 200 หลัง ในปี 2567 จนทำให้งานก่อสร้างล่าช้ากว่าที่กำหนดเริ่มตั้งแต่ 1-6 เดือน เพราะสร้างไม่ทันกับกำหนดระยะเวลาตามสัญญาของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ
 

"แม้ที่ผ่านมาจะรับกลุ่มผู้รับเหมากก่อสร้างรายย่อยกว่า 10 ทีม ที่เคยทำงานกับอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อย่าง แสนสิริ ศุภาลัย แลนด์แอนด์เฮาส์ เอสซี แอทเสท สัมมากร และ เอสซีจี เข้ามาช่วยสร้างบ้านให้กับลูกค้าก็ตาม เพราะงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ลดลง จึงหันมารับงานสร้างบ้าน ซึ่งเป็นสัญญาชั่วคราว ถ้าเศรษฐกิจดี ก็คงกลับไปรับเหมาโครงการเหมือนเดิม"

จากประสบการณ์ดังกล่าว ทำให้บริษัทต้องปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้ลงเหลือ 1,000 ล้านบาท เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อและมีที่ดินอยู่แล้ว จึงต้องการบริษัทรับสร้างบ้านที่มีความน่าเชื่อถือเข้าไปสร้างบ้าน ที่ผ่านมาบริษัทได้รับการบอกต่อแบบปากต่อปากในเรื่องคุณภาพและบริการที่คุ้มค่ามากกว่าเรื่องราคา ดังนั้นจึงต้องรักษาความน่าเชื่อถือของแบรนด์เอาไว้ เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว
 

“การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของยอดขายในครั้งนั้น ทำให้กลุ่มประสบปัญหาขาดแคลนทีมงานก่อสร้าง ทำให้เผชิญกับภาระงานล้นมือเมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้การก่อสร้างและส่งมอบงานล่าช้าไป 1-6 เดือน กระทบลูกค้ากว่า 40% จนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ ถึงส่งมอบเสร็จเรียบร้อย แต่ไม่สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ 1,100 ล้านบาท เป็นผลมาจากการชะลอตัวของตลาดในไตรมาส 2 ปี 2567 ที่ผ่านมา”

ปัจจุบัน บริษัทมีรายได้มาจาก บริษัท บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด ซึ่งสร้างบ้านระดับราคา 25 ล้านบาทขึ้นไป หรือ ราคาเฉลี่ย 25,000 บาทต่อตารางเมตร คิดเป็นสัดส่วน 20% บริษัท บางกอกเฮ้าส์ บิวเดอร์ จำกัด รับสร้างบ้านระดับราคา 10-25 ล้านบาท หรือ ราคาเฉลี่ย 22,000 บาทต่อตารางเมตร คิดเป็นสัดส่วน 30% และ บริษัท สมอลล์เฮ้าส์ บิวเดอร์ จำกัด รับสร้างบ้านระดับราคา 2-10 ล้านบาท หรือ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 18,000 บาทบาทต่อตารางเมตร คิดเป็นสัดส่วน50%

“ในช่วงโควิด-19 ผู้บริโภคหันมาหาผู้สร้างบ้านที่มีแบรนด์แข็งแกร่ง มีชื่อเสียง ความรับผิดชอบ และความน่าเชื่อถือ เนื่องจากขาดความมั่นใจในผู้รับเหมารายย่อยที่อาจทิ้งงานกลางคันในช่วงวิกฤติถือเป็นข้อได้เปรียบของ บิวท์ ทู บิวด์”