เอสซีจี นำศิลปะจากวรรณคดีไทย สู่เทคโนโลยี 3D Printingฟื้นฟูทะเล

เอสซีจี สโมสรโรตารี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นำศิลปะจากวรรณคดีไทยมารวมกับเทคโนโลยี 3D Printing สร้าง หนุมานนิมิตกาย เพื่อช่วยฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลของไทย
ในช่วงเวลาที่โลกกำลังหันมาสนใจปัญหาทรัพยากรธรรมชาติที่กำลังถูกทำลายไปอย่างรวดเร็ว นวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยฟื้นฟูธรรมชาติย่อมสร้างความหวังให้กับเราได้ไม่มากก็น้อย และหนึ่งในนวัตกรรมที่มีความน่าสนใจและเต็มไปด้วยความหมาย คือ โครงการ "มหัศจรรย์ประติมากรรมใต้ท้องทะเล" ที่นำศิลปะจากวรรณคดีไทยมารวมกับเทคโนโลยี 3D Printing เพื่อช่วยฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลของไทยภายใต้ความร่วมมือของหลายภาคส่วน ทั้ง เอสซีจี สโมสรโรตารี และ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โครงการนี้ได้รับการถ่ายทอดแนวคิดจากวรรณคดีไทยที่ทรงคุณค่า มาสู่การสร้างประติมากรรมใต้น้ำที่ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลที่ถูกคุกคาม
"หนุมานนิมิตกาย"ผสานวรรณคดีและนวัตกรรม
โครงการนี้เริ่มต้นจากการออกแบบประติมากรรม "หนุมานนิมิตกาย" ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครในวรรณคดี รามเกียรติ์ ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ตัวประติมากรรมขนาดใหญ่ที่มีขนาดกว้าง 19.5 เมตร ยาว 20.5 เมตร และสูง 6.4 เมตร ถูกพิมพ์ขึ้นด้วยเทคโนโลยี SCG 3D Printing ซึ่งใช้ปูนมอร์ตาร์สูตร Low Carbon ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 1,040 กิโลกรัม ในขณะที่ยังคงมีความแข็งแรงและความทนทานสูง พร้อมรองรับการเติบโตของปะการัง
สิ่งที่ทำให้โครงการนี้มีความโดดเด่นกว่าการพิมพ์ประติมากรรมทั่วไปคือ การพัฒนาวัสดุที่สามารถทำงานร่วมกับธรรมชาติได้ โดยเฉพาะในด้านการช่วยฟื้นฟูและส่งเสริมการเติบโตของปะการัง ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาทรัพยากรทางทะเลที่กำลังถูกคุกคาม
3D Printingพลิกโฉมการฟื้นฟูทะเลไทย
เทคโนโลยี SCG 3D Printing ที่ถูกนำมาใช้ในโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้สามารถออกแบบประติมากรรมที่มีความยากและซับซ้อนได้ แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล โดยเฉพาะการสร้างวัสดุที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของปะการังที่ลงเกาะได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ การออกแบบที่มีการปรับแต่งแสงและเงาให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในทะเล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะของตัวอ่อนปะการัง
อีกทั้งยังมีการพัฒนาคุณสมบัติของหินปูนในเนื้อปูนซีเมนต์ให้ใกล้เคียงกับค่าความเป็นกรด-ด่างของน้ำทะเล ซึ่งถือเป็นการลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางทะเล ทำให้ชิ้นงานนี้สามารถยืนหยัดในสภาพแวดล้อมใต้ทะเลได้อย่างยาวนาน และส่งเสริมการเติบโตของระบบนิเวศทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้ง

การขยายโครงการและความร่วมมือในอนาคต
โครงการนี้ไม่ได้หยุดแค่ที่การสร้างประติมากรรม "หนุมานนิมิตกาย" เท่านั้น แต่ยังมีการขยายต่อไปเพื่อฟื้นฟูปะการัง โดยการพัฒนาผลงานใหม่ภายใต้ชื่อ "รายา" ซึ่งเป็นการนำเสนอเรื่องราวจากวรรณคดี รามเกียรติ์ ต่อไป และในปี 2025 นี้ จะมีการสร้าง "ทศกัณฑ์" ตามมาซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนภูเก็ตให้กลายเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรม และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน
การร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลผ่านการใช้เทคโนโลยี 3D Printing ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาที่ท้าทาย ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูธรรมชาติ แต่ยังเปิดโอกาสในการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
จุดประกายใหม่ในวงการอนุรักษ์และนวัตกรรม
โครงการ "หนุมานนิมิตกาย" จึงไม่เพียงแต่เป็นการใช้เทคโนโลยี 3D Printing ที่ล้ำสมัย แต่ยังสะท้อนถึงความสามารถในการสร้างสรรค์ที่มุ่งเป้าหมายเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ซึ่งคงไม่ใช่เพียงแค่ความงามของประติมากรรมที่สามารถสัมผัสได้ แต่ยังเป็นการเริ่มต้นของการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนในระยะยาว
จากวรรณคดีไทยสู่การอนุรักษ์ธรรมชาติ โครงการนี้อาจเป็นเพียงก้าวแรกในการเปลี่ยนแปลงวิธีการอนุรักษ์ทะเลไทยในอนาคต โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ควบคู่กับการเคารพและสืบสานวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า