แนวทางตรวจสอบรอยร้าว-ซ่อมแซมโครงสร้างหลังแผ่นดินไหว

นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้าง เผยแนวทางการตรวจสอบรอยร้าวและการซ่อมแซมโครงสร้างหลังแผ่นดินไหวในการประเมินและการซ่อมแซมเบื้องต้น
หลังจากเหตุการณ์"แผ่นดินไหว"เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา หลายอาคารในพื้นที่ได้รับความเสียหายจากแรงสั่นสะเทือน ส่งผลให้เจ้าของอาคารต้องเริ่มต้นการตรวจสอบความเสียหายและประเมินความปลอดภัยของโครงสร้าง เพื่อความมั่นใจในการกลับมาใช้อาคารอีกครั้ง
ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และอาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาเผยแนวทางการตรวจสอบเบื้องต้นสำหรับโครงสร้างที่ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาคารสูงที่ต้องใส่ใจเรื่องการตรวจสอบรอยร้าวและการกะเทาะหลุดของคอนกรีต ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยและความแข็งแรงของอาคาร
มีรอยร้าวต้องตรวจสอบ
รอยร้าวในโครงสร้างถือเป็นสัญญาณแรกที่ต้องให้ความสนใจ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่รับน้ำหนัก เช่น เสาและผนังปล่องลิฟต์ ซึ่งเป็นจุดที่อาจเกิดการแตกหักหรือเสียหายจากแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว ศ.ดร.อมร แนะนำให้เจ้าของอาคารให้ความสำคัญในการตรวจสอบรอยร้าวที่อาจเกิดขึ้นที่โคนเสาด้านล่างหรือปลายเสาด้านบน รวมถึงบริเวณเสาที่อยู่ในระดับกลางของอาคารที่มีความเสี่ยงสูงกว่า
รอยร้าวในอาคารสามารถแบ่งออกเป็น3ระดับ ได้แก่
- ระดับที่ 1: ไม่มีรอยร้าว - ไม่มีความเสียหายใดๆ ทำให้สามารถเข้าใช้อาคารได้ตามปกติ
- ระดับที่ 2: รอยร้าวมีขนาดเล็ก ไม่เกิน 0.4 มม. หรือขนาดเส้นเล็กจนไม่สามารถสอดบัตรเครดิตหรือบัตรประชาชนเข้าไปได้ รอยร้าวในระดับนี้ยังไม่กระทบต่อความปลอดภัยของโครงสร้าง แต่ควรทำการซ่อมแซมโดยการฉีดวัสดุประสาน
- ระดับที่ 3: รอยร้าวมีขนาดใหญ่กว่า 0.6 มม. สามารถสอดบัตรเครดิตหรือบัตรประชาชนเข้าไปได้ รอยร้าวที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้จะมีผลกระทบต่อโครงสร้างของอาคารและต้องทำการซ่อมแซมโดยทันที
กะเทาะหลุดของคอนกรีต สัญญาณของความเสียหายรุนแรง
นอกจากรอยร้าวแล้ว การกะเทาะหลุดของคอนกรีตก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการตรวจสอบความเสียหาย โดยสามารถจำแนกการกะเทาะหลุดออกเป็น 4 ระดับ:
- ระดับที่ 1: ไม่พบการกะเทาะหลุดของคอนกรีต
- ระดับที่ 2: ผิวปูนหลุดออกมา หรือผิวคอนกรีตหลุดไม่เกิน 1-2 ซม. แต่ยังไม่เห็นเหล็กเสริม ซึ่งยังไม่กระทบต่อกำลังของโครงสร้าง
- ระดับที่ 3: คอนกรีตหลุดออกมาทั้งหมด เห็นเหล็กเสริม แต่เหล็กยังอยู่ในสภาพปกติ ควรทำการซ่อมแซมทันที
- ระดับที่ 4: คอนกรีตกะเทาะถึงแกนเสาด้านใน เห็นเหล็กเสริมที่บิดงอหรือขาดไปแล้ว เป็นความเสียหายรุนแรงที่มีผลกระทบต่อการรับน้ำหนักของโครงสร้าง และไม่ควรเข้าใช้อาคารจนกว่าจะทำการซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรง
วิธีการซ่อมแซมและเสริมกำลังโครงสร้าง
สำหรับ ความเสียหายที่ระดับ 4 ซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังรับน้ำหนักของโครงสร้าง ศ.ดร.อมร ได้แนะนำวิธีการซ่อมแซมที่เรียกว่า concrete jacketing ซึ่งเป็นกระบวนการเสริมเหล็กใหม่ให้กับเสาที่เสียหาย โดยจะทำการเจาะเสียบเหล็กยึดกับเสาที่มีการบิดงอ จากนั้นพันเหล็กปลอกรอบเหล็กเสาใหม่แล้วเทคอนกรีตหุ้มอีกครั้งเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้าง
วิธีนี้สามารถช่วยเสริมกำลังรับน้ำหนักให้กับเสาได้ และในกรณีที่เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ควรปรึกษาวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำแนะนำในการเสริมกำลังที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
การซ่อมแซมไม่ใช่แค่การเติมปูน
สิ่งสำคัญที่ ศ.ดร.อมร ย้ำไว้คือ การซ่อมแซมโครงสร้างที่มีความเสียหายรุนแรงไม่สามารถทำได้เพียงแค่การเติมปูนเท่านั้น แต่ต้องเสริมเหล็กใหม่เพื่อเพิ่มความแข็งแรง โดยเฉพาะในส่วนของเสาที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบจากวิศวกรเพื่อวางแผนการซ่อมแซมที่เหมาะสมต่อไป
โดยสรุปแล้ว การตรวจสอบและซ่อมแซมรอยร้าวและการกะเทาะหลุดของคอนกรีตในอาคารหลังเกิดแผ่นดินไหวเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความระมัดระวังและความเชี่ยวชาญจากผู้ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้สามารถประเมินความปลอดภัยและเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้การใช้งานอาคารสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยและมั่นคงในอนาคต