LIFE ลาดพร้าว แวลลีย์ เสริมความแข็งแรงโครงสร้างหลังแผ่นดินไหว

LIFE ลาดพร้าว แวลลีย์ เสริมความแข็งแรงของโครงสร้างหลังเหตุแผ่นดินไหว ใช้วิธีการJacketing Column และน้ำยา Epoxy pressure groutเสริมกำลังให้กับเสาที่มีความเสี่ยงสูง
หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ส่งผลกระทบต่อโครงการ LIFE ลาดพร้าว แวลลีย์ เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2568 ล่าสุด .o30 มี.ค. 68ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากหลายภาคส่วนได้ร่วมลงพื้นที่เพื่อประเมินความคืบหน้าการแก้ไขงานโครงสร้างเสาของอาคาร โดยการร่วมมือของ สำนักโยธากทม. และ สำนักงานโยธาเขตจตุจักร รวมถึงทีมวิศวกรจาก วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และ รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สินถาวร อาจารย์จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งได้ทำการสำรวจและเห็นชอบในแนวทางการแก้ไขที่ทางโครงการได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้
Jacketing Column เสริมความแข็งแรง
การแก้ไขที่ดำเนินการในขณะนี้ คือ การทำ Jacketing Column ซึ่งเป็นการเสริมความแข็งแรงให้กับเสาเดิม โดยการหล่อเสาโอบล้อมเสาเดิมขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ได้หน้าตัดที่แข็งแรงและทนทานยิ่งขึ้น ภายใต้หลักการคำนวณจากวิศวกรผู้ออกแบบโครงสร้าง เพื่อให้เสาสามารถรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวในอนาคตได้อย่างมั่นคง
ขั้นตอนการแก้ไขที่สำเร็จไปแล้ว
การอุดด้วยปูนซิเมนต์ผสมไฟเบอร์: เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำยา Epoxy pressure grout ไหลออกจากเสา ซึ่งน้ำยา Epoxy นี้มีวัตถุประสงค์ในการเข้าไปประสานรอยร้าวเล็ก ๆ ของเนื้อคอนกรีตเดิม และช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว
การหล่อและเทปูนสำเร็จรูป: โดยใช้วัสดุปูนสำเร็จรูปชนิดพิเศษที่ไม่หดตัว และสามารถรับกำลังอัดได้สูง (Non-Shrink) เพื่อให้ได้ขนาดหน้าตัดเสาเท่าเดิม ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการสร้างความมั่นคงให้กับโครงสร้าง
ขั้นตอนที่กำลังดำเนินการอยู่
การเสริมกำลังเสาด้วยแผ่นเหล็กหนา 25 มม.: โดยการรัดแผ่นเหล็กรอบเสาให้สูงจากพื้นประมาณ 3.60 เมตร เป็นการเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างในระยะยาว ซึ่งการเสริมด้วยเหล็กนี้จะช่วยเพิ่มความทนทานและรับน้ำหนักของเสามากขึ้น
ขั้นตอนที่จะดำเนินการต่อ
การยิงน้ำยา Epoxy pressure grout: เข้าด้านในระหว่างแผ่นเหล็กและเนื้อคอนกรีตเดิม เพื่อเสริมการเชื่อมต่อให้แน่นหนา
การเพิ่มขนาดหน้าตัดเสา: โดยการเพิ่มขนาดหน้าตัดเสาโดยรอบข้างละ 15 ซม. และเสริมเหล็กเส้นขนาด 20 มม. จำนวน 24 เส้น โดยรัดรอบด้วยเหล็กปลอกขนาด 12 มม. ระยะห่าง 0.20 ม. และเทคอนกรีตจาก Footing ไปจนถึงปลายเสาด้านบน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเสาในระดับที่สามารถรับแรงกดได้มากยิ่งขึ้น
ตามแผนการคำนวณเชิงวิศวกรรมที่ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน โครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 4 เม.ย. 2568 ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าของห้องและผู้พักอาศัยสามารถมั่นใจในความปลอดภัยและการใช้งานอาคารได้ตามปกติ