อสังหาฯเฮ!“ลดค่าโอน-จดจำนอง” -ผ่อนLTV พยุงตลาดฝ่าวิกฤต

เมื่อโลกกำลังเผชิญกับการสะเทือนครั้งใหญ่จากแผ่นดินไหว และนโยบายภาษีทรัมป์ที่ส่งคลื่นสั่นสะเทือนไปทั่วโลก ตลาดทุนและความมั่งคั่งทั่วโลกเริ่มสะดุด ผู้บริโภคเริ่มลังเลในการตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะในอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาสูง การตัดสินใจซื้อบ้านในช่วงเวลานี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลเห็นถึงความสำคัญก็คือการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ และช่วยพยุงภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตในเวลาเดียวกัน

ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า การพิจารณา “ลดค่าโอน-จดจำนอง” ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 เม.ย. 2568 จึงถือเป็นการตอบสนองที่ตรงจุด เพื่อลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะบ้านและคอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาท ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองถึง 0.01% ทั้งนี้มาตรการนี้ไม่ได้มาคู่กับการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ เพียงอย่างเดียว แต่ยังมาพร้อมกับการผ่อนคลาย เกณฑ์ LTV หรือเกณฑ์การกำกับสินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2568 ถึง 30 มิ.ย. 2569 ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ซื้อสามารถยืดหยุ่นการใช้สินเชื่อได้เต็ม 100%  

วิกฤตที่ซ้อนทับ รัฐต้องหาทางออก

ในภาวะเศรษฐกิจที่โลกกำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหวที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในระดับโลก หรือภาษีทรัมป์ที่สะเทือนทั้งตลาดทุนและอัตราแลกเปลี่ยน นี่คือเวลาที่อสังหาริมทรัพย์ไทยต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะตลาดที่เคยแข็งแกร่งกลับเริ่มสั่นคลอน 

“มาตรการลดค่าโอนและจดจำนองที่รัฐบาลเสนอ ถือเป็นการตอบสนองที่มีความสำคัญในเวลานี้ ซึ่งจะช่วยพยุงตลาดอสังหาฯ ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้”

โดยเฉพาะบ้านและคอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาท ที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ ทำให้การตัดสินใจซื้อบ้านไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แม้ว่าผู้ซื้อบางรายอาจยังคงวิตกกังวลจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน แต่การได้ใช้ประโยชน์จากมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายจากการโอนและจดจำนอง ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยลดความกังวลนี้ได้
 

ลดภาระภาษีและผ่อนคลายเกณฑ์ LTV

สิ่งที่ทำให้มาตรการนี้มีความสำคัญไม่เพียงแค่การลดภาระค่าธรรมเนียมในการโอนและจดจำนองเท่านั้น แต่ยังได้ผ่อนคลาย เกณฑ์ LTV ที่มีผลทำให้ผู้ซื้อสามารถยืดหยุ่นในการขอสินเชื่อได้เต็ม 100% โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องจ่ายเงินดาวน์ในส่วนที่เกินความจำเป็น แม้แต่ผู้ที่สนใจซื้อบ้านในราคาสูงเกิน 7 ล้านบาท ก็จะได้รับประโยชน์จากการผ่อนผันเกณฑ์ LTV ที่เปิดโอกาสให้สามารถขอสินเชื่อเต็มวงเงินได้เช่นกัน

นายประเสริฐมองว่า นี่ไม่ใช่เพียงแค่การแก้ปัญหาชั่วคราว แต่เป็นการส่งสัญญาณความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคธนาคารในการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ที่ถือเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และการขับเคลื่อนในครั้งนี้อาจช่วยระบายสต็อกที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาทได้อย่างมีประสิทธิภาพ