“สิงห์ เอสเตท”ปั้น S KLAS ต่อยอดงานบริการสู่โมเดลรายได้ใหม่

“สิงห์ เอสเตท” ปั้น S KLAS ดูแลหลังการขายครบวงจร จุดพลุธุรกิจบริการ เล็งบริการต่อเติมและตกแต่งบ้านนำร่องวิสัยทัศน์ Craft to Trust สู่โมเดลรายได้ใหม่
ในโลกของอสังหาริมทรัพย์ ความหรูหราไม่ใช่คำตอบสุดท้าย และความประณีตก็ไม่ใช่แค่เรื่องดีไซน์ หากแต่เป็น “คุณค่า” ที่ส่งต่อได้จากรุ่นสู่รุ่นและนี่คือแนวคิดที่ “สิงห์ เอสเตท” กำลังรังสรรค์อย่างจริงจังภายใต้แนวทาง Craft to Trust – ปรัชญาธุรกิจที่ไม่เพียงออกแบบและสร้างบ้านให้สวยหรู แต่เน้นสร้าง “ความไว้วางใจ”
เข้ม คำวงศ์ปิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการออกแบบและก่อสร้าง บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หัวเรือใหญ่เบื้องหลังโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชูรีของสิงห์ เอสเตท อาทิ โครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส, โครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ, โครงการสริน ราชพฤกษ์-สาย 1 เป็นต้นและที่เพิ่งเปิดตัวโครงการใน 2 ทำเลศักยภาพคือ สมิทธ์ เกษตร-นวมินทร์ และ สมิทธ์ รามอินทรา ซึ่งนำแนวคิดและการทำงานแบบ "Craft to Trust" ที่ประณีตและใส่ใจในทุกกระบวนการดำเนินงาน เพื่อส่งต่อคุณภาพการทำงานสูงสุดและสร้างความเชื่อมั่นในทุกขั้นตอน
ล่าสุด สิงห์ เอสเตท เปิดตัวบริการใหม่ภายใต้ชื่อ S KLAS บริการหลังการขายครบวงจร ที่ไม่ได้มีไว้เพียงดูแลลูกค้าเดิมเท่านั้น แต่ยังวางเป้าหมาย “ต่อยอดธุรกิจบริการ” ให้เป็นแหล่งรายได้อีกทางในอนาคต
เมื่อการบริการหลังการขายไม่ใช่แค่บริการ แต่คือโมเดลธุรกิจ ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดลักชูรีที่ลูกค้าไม่เพียงมองหาบ้าน แต่ต้องการ ประสบการณ์การอยู่อาศัย “S KLAS” ถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างนั้น ด้วยโครงสร้างบริการ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
Property Management Service
บริการบริหารจัดการโครงการที่มากกว่าแค่การดูแลพื้นที่ส่วนกลาง แต่ใส่ใจในคุณภาพชีวิตของลูกบ้านอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ไปจนถึงแนวทางพัฒนาโครงการแบบ Green Living ทั้งโซลาร์เซลล์, สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า, ระบบแยกขยะ และเทคโนโลยีลดใช้พลังงาน
Resident Service
“การดูแลแบบมืออาชีพที่มองไม่เห็น” คือหัวใจของ Invisible Service บริการ 24 ชั่วโมงแบบไม่รบกวนความเป็นส่วนตัว พร้อมต่อยอดด้วยแอป S Life ที่รวมสิทธิประโยชน์ กิจกรรมพิเศษ และการดูแลไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านแบบองค์รวม
Tailor-Made Service
บริการต่อเติมและตกแต่งบ้านที่ไม่ใช่แค่สวย แต่ยังออกแบบจากโครงสร้างเดิมโดยผู้เชี่ยวชาญของสิงห์ เอสเตทเอง เพื่อความปลอดภัย ความกลมกลืน และความทนทานในระยะยาว พร้อมบริการซ่อมแซม บำรุงรักษาโดยช่างมืออาชีพ ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความเข้าใจใน “ความต้องการที่แท้จริง” ของลูกบ้านระดับบน ซึ่งไม่เพียงต้องการซื้อบ้าน แต่ต้องการ “ลงทุนในคุณภาพชีวิตระยะยาว”
เบื้องหลังแนวคิด S KLAS คือปรัชญา “Craft to Trust” ที่ สิงห์ เอสเตท ยึดมั่นเสมอมา
“ลูกค้าเลือกแบรนด์เราเพราะ ‘ไว้วางใจ’ ซึ่งความไว้วางใจไม่ได้เกิดจากคำพูด แต่ต้อง ‘พิสูจน์’ ได้ในทุกกระบวนการ”
ตั้งแต่โครงการระดับเรือธงอย่าง สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ไปจนถึงโปรเจกต์ใหม่อย่าง “สมิทธ์ เกษตร-นวมินทร์” ทุกดีเทลของงานออกแบบและก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกวัสดุ ฟังก์ชันภายในบ้าน หรือมาตรฐานการก่อสร้าง ล้วนถูกคิดมาอย่างลึกซึ้งเพื่อสะท้อนรสนิยมของลูกค้าระดับบน และให้คุณภาพที่ “ส่งต่อได้จากรุ่นสู่รุ่น”ไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่ต้อง “มั่นคง ใช้งานได้จริง และยั่งยืน”
จาก Cost Center สู่ Revenue Stream
การลงทุนในบริการหลังการขายอาจถูกมองว่าเป็น ‘ต้นทุน’ สำหรับบริษัทอสังหาฯ ทั่วไป แต่สำหรับสิงห์ เอสเตท นี่คือ ‘โอกาส’ ในการสร้างรายได้ระยะยาว
เมื่อระบบบริการ S KLAS ได้รับการพิสูจน์ว่าใช้งานได้จริง มีมาตรฐาน และได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าในเครือ ก็สามารถนำโมเดลนี้ไป “เปิดขาย” สู่นอกเครือได้ในอนาคต เช่น บริการดูแลบ้านระดับลักชูรี หรือระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับหมู่บ้านระดับพรีเมียมที่ไม่ได้สร้างโดยสิงห์ เอสเตทโมเดลนี้กำลังเปลี่ยน “ฝ่ายบริการหลังการขาย” ให้กลายเป็น ธุรกิจบริการเต็มรูปแบบ