ธนาสิริพลิกวิกฤติสู่โอกาสรุกบ้านหรู-จ่อลุยภูเก็ตเจาะต่างชาติ

บรรยากาศเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายเลือก “ชะลอ” การลงทุน!  แต่ “ธนาสิริ กรุ๊ป” กลับเลือก “รุก” พร้อมเปิดเกมใหม่ในตลาดที่ไม่เคยเข้าไปมาก่อน กลยุทธ์นี้ไม่ได้หวังเพียงแค่ยอดขาย แต่คือการยกระดับแบรนด์ และ “เปลี่ยนวิธีคิด” ขององค์กร จากนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับกลางสู่ “ตลาดบน” ที่ต้องการ “ประสบการณ์” มากกว่า “ที่อยู่อาศัย”

นี่คือเบื้องหลังการเปิดตัวโครงการ “อนาบูกิ ธนาเรสซิเดนซ์ กาญจนาภิเษก–พระราม 9” บ้านเดี่ยวระดับพรีเมียมมูลค่าโครงการกว่า 1,500 ล้านบาท ที่จะเป็นหมุดหมายใหม่ของการเติบโตในปี 2568 

“เมื่อเศรษฐกิจชะลอ แต่การตัดสินใจต้องเร็วกว่าปี 2567 ซึ่งจบลงด้วยสัญญาณชะลอตัวที่ค่อยๆ กัดกร่อนความมั่นใจของผู้บริโภคในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยอดขอสินเชื่อลดฮวบ ยอดเข้าชมโครงการหดตัวต่อเนื่อง”
 

สุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาสิริ กรุ๊ป มองเห็นโอกาสในกลุ่ม “มีกำลังซื้อสูง” ที่ยังไม่หายไปไหน กลุ่มนี้ไม่ได้ตัดสินใจซื้อจากดอกเบี้ย แต่เลือกซื้อจาก “คุณค่าในวิถีชีวิต” โครงการอนาบูกิฯ จึงเกิดขึ้น เพื่อรองรับตลาด ด้วยบ้านเดี่ยวระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ธนาสิริเข้าเล่นในตลาดบนนี้อย่างเต็มตัว ซึ่ง 74 ครอบครัวแรกจะได้รับนิยามใหม่ของ “บ้านหรู” ภายใต้แนวคิด A NEW LUXURY : Simply Natural Heritage

ชะลอโครงการ แต่ไม่ชะลอ “ทิศทาง”

ปี 2568 ธนาสิริจะเปิดตัวเพียง 1 โครงการ จากปกติ 2-3 โครงการต่อปี ไม่ใช่เพราะถอยหลัง...แต่เพราะวางหมากล่วงหน้าไว้แล้วด้วยมูลค่าโครงการในมือกว่า 5,000 ล้านบาท ที่พร้อมขายอยู่แล้วจึงเพียงพอต่อเป้าหมายรายได้ที่วางไว้ที่ 1,400 ล้านบาท หรือโต 15% การควบคุมจำนวนโครงการใหม่ในปีนี้ จึงไม่ใช่การชะลอ แต่คือ “การจัดพอร์ตความเสี่ยง” เพราะในสภาวะที่ดอกเบี้ยยังสูง ความไม่แน่นอนจากนโยบายเศรษฐกิจโลก รวมถึงภาษีอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านความชัดเจนเรื่องการผ่อนปรนมาตรการควบคุมสินเชื่อ หรือ  LTV และภาษีที่เพิ่งได้รับการต่ออายุก็อาจยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ตลาดฟื้นทั้งระบบในครึ่งปีแรกของ 2568 ได้
 

 หมากต่อไปฐานใหม่ภูเก็ตเจาะต่างชาติ

ขณะที่ในกรุงเทพฯ เลือกเจาะตลาดบน อีกฟากหนึ่ง “ภูเก็ต” กลับกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ของธนาสิริสำหรับตลาดต่างประเทศ โดยบริษัทมีที่ดินแปลงใหญ่ 106 ไร่ ห่างจากหาดกมลาเพียง 2 กิโลเมตร ซึ่งถือครองมานานกว่า 30 ปี ในราคาต้นทุนเพียง 50 ล้านบาท 

“วันนี้ราคาตลาดประเมินสูงถึง 1,600 ล้านบาท... เป็นทรัพย์สินทองคำ ที่กำลังจะถูกปลุกให้ตื่นแต่เกมนี้จะไม่เล่นคนเดียว ธนาสิริอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตร ทั้งผู้ประกอบการท้องถิ่นเพื่อพัฒนาโปรเจกต์แบบครบวงจร ตั้งแต่ วิลล่าหรู คอนโดมิเนียม โรงแรม ร้านอาหาร ไปจนถึง โครงการส่งเสริมสุขภาพ”

การลงทุนครั้งนี้อาจไม่อยู่ภายใต้แบรนด์ธนาสิริโดยตรงเพราะเป็นตลาดใหม่ที่ต้องการสร้าง “แต้มต่อ” จากพันธมิตรที่เชี่ยวชาญแต่เป้าหมายชัดเจน คือ การขยายฐานสู่ลูกค้าต่างชาติ และการต่อยอดสินทรัพย์ในมือให้ได้มูลค่าสูงสุด

 บทเรียนจากอดีต สู่กลยุทธ์อนาคต

จากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มต้นจากบ้านระดับกลาง ธนาสิริกำลังพลิกบทบาทเข้าสู่การเล่นเกมที่ใหญ่ขึ้นในเวลาที่ “คนอื่นกำลังรอ” เพราะในวันที่ตลาดอาจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ผู้ที่ “เดินเกมก่อน” และ “วางกลยุทธ์ด้วยความเข้าใจความเสี่ยง” จะเป็นผู้ได้เปรียบในวันที่ตลาดกลับมา 

บ้านระดับ 20 ล้านบาทในกรุงเทพฯ อาจไม่ใช่เป้าหมายใหญ่! แต่หากรวมกับ “แลนด์แบงก์ทองคำ” ในภูเก็ต และพันธมิตรต่างชาติที่พร้อมจะเข้ามา ธนาสิริ กำลังวางตัวเป็นมากกว่า Developer... แต่กำลังกลายเป็น Asset Strategist และนี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่พา “ธนาสิริ” ขึ้นไปอยู่ในลีกใหม่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย!