'จระเข้' ปลุกคลื่นเขียววงการก่อสร้างสู่เNet Zero 2065

“จระเข้” ปลุกคลื่นเขียววงการก่อสร้างไทย สู่เป้าหมาย Net Zero 2065 จากแบรนด์วัสดุก่อสร้าง สู่ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืน
ในวันที่โลกไม่อาจละเลยปัญหาสภาพภูมิอากาศ และผู้บริโภคไม่ได้ซื้อแค่ "สินค้า" แต่เลือก "คุณค่า" ที่สะท้อนจิตสำนึกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม “จระเข้ คอร์ปอเรชั่น” แบรนด์ไทยที่อยู่คู่วงการก่อสร้างมากว่า 33 ปี กำลังเขียนนิยามใหม่ของคำว่า “วัสดุก่อสร้าง” ด้วยวิสัยทัศน์ที่กล้า ทะเยอทะยาน และยึดมั่นในคำว่า Sustainable Building Innovation
จากผู้ผลิตกาวซีเมนต์ในวันที่ยังไม่มีใครพูดถึง “ฝุ่นจิ๋ว” สู่ผู้นำที่กล้าประกาศเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2065 จระเข้กำลังทำให้เราเห็นว่า "นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน" ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือหัวใจของธุรกิจยุคใหม่ ที่จะอยู่รอดในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
Net Zero เป้าหมายที่ชัดเจน
จุดเปลี่ยนขององค์กรเริ่มชัดในปีนี้ เมื่อจระเข้เปิดแผนปฏิบัติการเพื่อบรรลุ Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065 ภายใต้กรอบ Jorakay Sustainability Framework ที่ขับเคลื่อนด้วยแนวคิด 3P: Green Process, Green Planet และ Green People
“เราไม่ได้แค่ขายสินค้า แต่ขายความมั่นใจในอนาคต” นายศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ ซีอีโอจระเข้กล่าวย้ำว่า ความสำเร็จขององค์กรในระยะยาวไม่ใช่ยอดขายปีต่อปี แต่คือ “ผลกระทบเชิงบวก” ที่สามารถสร้างต่อโลกใบนี้
ในปี 2567 คือปีที่อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างไทยหดตัวถึง 3% จากข้อมูลของ Krungsri Research แต่จระเข้กลับเติบโต 6% ด้วยโมเดลธุรกิจที่เน้น “คุณภาพ” และ “นวัตกรรม” เป็นหัวใจของทุกกระบวนการ
สินค้าหลักอย่างกาวซีเมนต์และกาวยาแนวยังครองมาร์เก็ตแชร์กว่า 50% ในขณะที่กลุ่มเคมีก่อสร้างเติบโตถึง 15% และสี SEE JORAKAY พุ่งแรงถึง 35% สะท้อนภาพธุรกิจที่ไม่ได้ยึดติดกับสินค้าดั้งเดิม แต่ปรับตัวและตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแยบยล
นวัตกรรม Dustless Technology ซึ่งช่วยลดฝุ่นฟุ้งกระจายถึง 80% กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการ โดยเฉพาะในงานปูกระเบื้องที่ไม่ใช่แค่เรื่องฝีมือ แต่คือเรื่องของ “สุขภาวะ” ในบ้าน
ลงทุนเพื่ออนาคต ไม่ใช่แค่กำไร
เบื้องหลังการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือการลงทุนอย่างหนักใน R&D ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ห้องแล็บทดสอบระดับประเทศ ทีมวิจัยเฉพาะทาง และความร่วมมือกับสถาบันต่างๆ ทำให้จระเข้สามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เพียง “ฉลาด” และ “ปลอดภัย” แต่ยัง “ปลอดสารพิษ” และ “รักษ์โลก”
ตัวอย่างเช่น Crocodile Road Fix Express มอร์ตาร์ซ่อมพื้นผิวถนนที่คว้ารางวัลระดับชาติ ทั้งในด้านนวัตกรรมและการลดโลกร้อน หรือบรรจุภัณฑ์ Jorakay Green Pack ที่ช่วยลดการใช้พลาสติกและฝุ่นจากขั้นตอนขนส่ง
นอกจากนี้ แผงโซลาร์เซลล์ที่โรงงานและสำนักงานใหญ่ช่วยลดคาร์บอนได้ถึง 606 ตันต่อปี และทดแทนพลังงานใช้ไปได้กว่า 30% ต่อปี เป็นบทพิสูจน์ว่า “ความยั่งยืน” เริ่มต้นที่บ้านของตัวเอง
ไม่ใช่แค่เมืองไทย โลกก็ต้องรู้จักจระเข้
เป้าหมายปี 2568 คือการเติบโต 10% โดยสัดส่วน 90% ยังมาจากตลาดไทย และอีก 10% จากตลาด CLMV โดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชา ที่การเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานเปิดโอกาสให้แบรนด์ไทยบุกตลาดต่างประเทศอย่างมีชั้นเชิง
“เราไม่ได้ขายสินค้าไปต่างประเทศ แต่เราสร้างฐานธุรกิจในภูมิภาค” ดร.จิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์ กล่าว พร้อมเผยว่าเป้าหมายคือการเพิ่มรายได้ต่างประเทศเป็น 15% ภายในปี 2570 ผ่านการปรับสินค้าให้สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น และสร้างพันธมิตรที่เข้าใจตลาดลึก
โชว์ของจริง ไม่ใช่แค่คำพูด
ในงาน “สถาปนิก’68” ที่เมืองทองธานี จระเข้ได้เปิดประสบการณ์จริงกับนวัตกรรมผ่าน 6 โซนเด่น เช่น TILING INNOVATION ที่โชว์นวัตกรรมปูกระเบื้องลดฝุ่น, STRUCTURE INNOVATION ที่ช่วยลดเวลาการก่อสร้าง และสี SEE JORAKAY รุ่นใหม่อย่าง Metallic Loft และ Stone Decor ที่ไม่ใช่แค่สวย แต่ “ปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม”
ภายใต้ธีม “Build Today, Beyond Tomorrow” พาวิลเลียนของจระเข้ไม่ได้แค่จัดแสดงผลิตภัณฑ์ แต่เล่าเรื่องของ “อนาคต” ที่แบรนด์เชื่อมั่นและพร้อมเดินไปด้วย
“นวัตกรรมคือสะพาน เชื่อมธุรกิจกับอนาคต ความยั่งยืนคือปลายทาง” — นี่คือสิ่งที่จระเข้กำลังถ่ายทอด ผ่านทุกกระเบื้อง ทุกหยดสี และทุกแพ็กกาวซีเมนต์
บนเส้นทางสู่ Net Zero อาจยังอีกยาวไกล แต่หากธุรกิจไทยลุกขึ้นเดินอย่างที่จระเข้ทำ ความเปลี่ยนแปลงก็ไม่ใช่แค่เป็นไปได้ — แต่มันเริ่มขึ้นแล้ว