เปิดแนวคิด‘เศรษฐา ทวีสิน’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพื่อไทย
ทุกครั้งของการขยับตัวของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง ชื่อของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’มักถูกกล่าวถึงเสมอ ล่าสุด ในการเลือกตั้งทั่วไปที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2566 พรรคเพื่อไทยมีแนวทางเสนอชื่อบุคคลเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หนึ่งในนั้น เศรษฐา ทวีสิน มาประกบกับแพทองธาร ชินวัตร
จากประวัติ‘เศรษฐา ทวีสิน’ มีชื่อเล่นว่า “นิด” เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506 ปัจจุบันอายุ 59 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านการเงินจาก Claremont Graduate School สหรัฐอเมริกา เริ่มการทำงานครั้งแรกในปี 2529 เป็นผู้ช่วยผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท P&G ประเทศไทย ก่อนหันมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งผลประกอบการในปี 2564 มีรายได้ถึง 29,747.52 ล้านบาท และกำไร 2,017.28 ล้านบาท ด้านครอบครัว ได้สมรสกับ แพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญความงามด้านผิวพรรณ มีบุตรด้วยกัน 3 คน
หากเอ่ยชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทย แม้กระทั้งคนรุ่นใหม่ที่รู้จักผ่านทาง ทวิตเตอร์ ซึ่งน่าจะเป็นผู้บริหาร นักธุรกิจคนเดียวที่ใช้ในการสื่อสารไอเดีย ความคิดของตนเองสู่สังคม ความเป็นตัวตนของผู้ชายชื่อเศรษฐา คือว่า มั่นใจ ในความคิด ความรู้ และประสบการณ์ของตนเองที่สะสมมา ที่พร้อมจะแบ่งปั้นให้กับทุกคน โดยเฉพาะประเด็นทางสังคม การเมือง ที่เขาให้ความสนใจ จนกลายเป็นซีอีโอสาย Call Out ที่ได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่ และทำให้ “แสนสิริ” ติด 1 ใน 10 บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วย
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ชื่อของ‘เศรษฐา ทวีสิน’ จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของเพื่อไทย เพราะบุคคลิกการเป็นนักธุรกิจที่กล้าพูดกล้าตัดสินใจ คล้ายคลึงกับ ทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม อดีตนักการเมืองชาวไทย นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 23 และมีความชัดเจนในการแสดงออกแนวคิดทางการเมืองในทิศทางเดียวกันชูเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนำการเมือง
ยกตัวอย่างเรื่องของแนวคิดในการ"ลดความเหลื่อมล้ำ"ที่ “เศรษฐา” ให้ความสำคัญและมองว่า ควรเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อลดช่องว่างทางสังคม ส่งเสริมความเท่าเทียม และสร้างอย่างยั่งยืน ในทุกมิติไม่ว่า จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการศึกษาเพื่อช่วยเด็กเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษา
โดยออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุน 100 ล้านบาท มาเดินหน้าโครงการ “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน” นำร่องราชบุรีเป็นจังหวัดแรกและในปี 2566 จะขยายไปอีก 4 อำเภอ และในปี 2567 อีก 3 อำเภอ เพื่อช่วยเหลือทั้งเด็กปฐมวัยและเด็กนอกระบบกว่า 11,200 คน ที่เสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาในจังหวัดราชบุรี
หรือการเหมาขิง 80,000 กิโลกรัม จากเกษตรกรทางภาคเหนือ หลังประสบปัญหาเดือดร้อนหนัก ขาดรายได้ ขิงราคาตกต่ำ-ล้นตลาด ขาดคนรับซื้อ จากเดิมที่เคยขายได้ในราคา 20-30 บาท มาขายที่ Sansiri Backyard ในกิโลกรัมละ 5 บาท ซึ่งรายได้จากการขายทั้งหมด แสนสิริจะสมทบทุนให้อีก 4 เท่า เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือซื้อผลผลิตของเกษตรที่เผชิญปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ
หลังจากในปีที่ผ่านมาอุดหนุนแตงโมกว่า 14 ตัน จากเกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ และลำไย 12 ตัน จากจังหวัดลำพูน เพื่อมาแจกจ่ายให้กับลูกบ้านแสนสิริกว่า 1,000 ครัวเรือน และชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด รวมถึงมะม่วงจากเกษตรกรกว่า 6 ตัน ส่งไปช่วยเลี้ยงช้างที่จังหวัดเชียงใหม่ และแสนสิริจะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าช่วยเหลือสังคมทุกระดับอย่างต่อเนื่องภายใต้โครงการ "No One Left Behind"
ล่าสุดประเด็นที่เกี่ยวกับการดึงนักท่องเที่ยวเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ เศรษฐา แนะนำว่า รัฐควรเปิดฟรีวีซ่าให้กับคนจีนเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจไทย เพราะ เชื่อว่า สุดท้ายแล้วประเทศจีนเปิดประเทศไม่ว่าจะเป็นเดือนหน้าหรือต้นปีหน้า และประเทศไทย ถือเป็นเดสติเนชั่น สำคัญที่สุดเดสติเนชั่น ของนักท่องเที่ยวชาวจีน และสิ่งสำคัญในช่วงเวลานี้คือเรื่องปากท้องประชาชน !
ซึ่งทุกโครงการของเศรษฐา จะสะท้อนความคิดเชิงแก้ปัญหาสังคมเชิงโครงสร้าง ที่“คนตัวใหญ่ ต้องช่วยคนตัวเล็ก” เจ้าตัวบอกเสมอว่า
" เป็นความตั้งใจในการเป็นส่วนหนึ่งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจสังคมเท่าที่จะทำได้เพื่อเป็นต้นแบบ เพราะเชื่อว่า ทุกคนช่วยกันทำให้เศรษฐกิจสังคมไทยดีขึ้น "
ด้วยแนวคิด การทำงานที่สะท้อนตัวตน และความสนใจเชิงการเมืองที่เข้ากับแนวทางของพรรคเพื่อไทย ทำให้ ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของเพื่อไทย มาตลอด หลายปีที่ผ่านมาส่วนจะใช่ตัวจริงหรือไม่ต้องติดตามกันต่อไป!