บ้านลักชัวรีพูลวิลล่ามาแรง!ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนสเปซสำคัญกว่าที่คิด

จากข้อมูล ซีบีอาร์อี พบว่า 2 ปีที่ผ่านมาโครงการบ้านแนวราบระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรี อัตราการขายเติบโตต่อเนื่องจาก 68% ในไตรมาส 4 ปี 2562 เป็น 75% ในไตรมาส 2 ปี 2565 มีซัพพลายเหลือขาย 745 ยูนิต จาก 3,033 ยูนิต สอดคล้องเทรนด์การพักอาศัยใหม่หลังโควิด-19 ผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพ ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่ขึ้น และปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้หลากหลายรูปแบบ

ชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า วิกฤติโควิดทำให้ผู้บริโภคและนักลงทุนมีมุมมองต่อการซื้อที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนไป คาดหวังที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่กว้างมากขึ้น รองรับกิจกรรมครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ซึ่งเป็นรูปแบบของการอยู่อาศัยพร้อมท่องเที่ยวและพักผ่อนที่เป็นเทรนด์การใช้ชีวิตและทำงานของคนยุคใหม่ทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere)

“จากเดิมเราโฟกัสการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุน แต่วิกฤติโควิดทำให้หันมาสนใจตลาดแนวราบ เพื่อสร้างบาลานซ์พอร์ตและบริหารความเสี่ยง"

การลงทุนแนวราบครั้งนี้ เป็นโมเดลร่วมทุนกับครอบครัว “เฮงตระกูล” แลนด์ลอร์ดรายใหญ่ในพื้นที่ “ชลบุรี-พัทยา” จัดตั้งบริษัท ฮาบิแทท วิลล่า จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการ “ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา” มูลค่า 1,700 ล้านบาท บนที่ดินกว่า 51 ไร่ โดย ฮาบิแทท กรุ๊ป ถือหุ้น 70% อีก 30% เป็นของ นายรัฐกิจ เฮงตระกูล เจ้าของที่ดิน

เริ่มพัฒนาเฟสแรก 65 หลัง มูลค่า 700 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้าน 2 แบบ โรสวูด แกรนด์ วิลล่า ราคา 13-15 ล้านบาท และ แคสเซีย พูล วิลล่า ราคา 8-12 ล้านบาท  เปิดขาย VVIP  พ.ย.นี้ กลุ่มเป้าหมายมาจากกรุงเทพฯ 70% ซึ่งเป็นกลุ่มครอบครัว อีก 30% เป็นชาวต่างชาติทำงานในไทยและวัยเริ่มเกษียณ มองหาพื้นที่เพื่อการพักผ่อนและต้องการคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเลือกซื้อเพื่ออยู่เองและปล่อยเช่าระยะยาว พร้อมรอผลตอบรับก่อนขึ้นเฟสสองมูลค่า 1,000 ล้านบาท 100 ยูนิต

รัฐกิจ เฮงตระกูล ผู้ร่วมทุนโครงการไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา กล่าวว่า ความต้องการซื้ออสังหาฯ ในพื้นที่พัทยาเกิดขึ้นในหลายเซ็กเมนท์ โดย “วิลล่า” มีดีมานด์สูงสำหรับการท่องเที่ยว-พักผ่อน และลงทุนระยะยาว มีความสนใจจากผู้ซื้อนักธุรกิจในพื้นที่ ชาวต่างชาติที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมโซนอีอีซี เป็นระดับผู้บริหารที่ต้องการซื้อแทนเช่า และชาวไทยที่อยู่กรุงเทพฯ ซึ่งการเดินทางสะดวก 

“เป็นครั้งแรกของครอบครัวในการร่วมทุนทำโครงการกับดีเวลลอปเปอร์ จากเดิมทำโครงการขนาดเล็กๆ สำหรับกลุ่มคนระดับกลางล่าง หากประสบความสำเร็จอาจขยายความร่วมมือในการลงทุน เพราะครอบครัวมีที่ดินในมือสะสม 300-400 ไร่”

สอดคล้องกับ “ไลโอเนล ลี” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาลียาห์ คอร์ป จำกัด กล่าวว่า ตลาดที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะบ้านแนวราบยังคงเติบโตแข็งแกร่งเป็นที่ต้องการมากขึ้น จึงได้พัฒนาโครงการ “ALIYAH RESERVE” มูลค่า 1,400 ล้านบาท เป็นวิลล่า 6 ยูนิต ทำเลพัฒนาการ 32 พื้นที่กว่า 5 ไร่ ดีไซน์สไตล์วิลล่าหรูหลังใหญ่ในยุคเรอเนสซองค์ของอิตาลี ตอบโจทย์การอยู่อาศัยทุกเจนเนอเรชั่น ยืดหยุ่น จัดพื้นที่ใช้สอยได้ตามฟังก์ชั่นที่ต้องการ

“เทรนด์คนรุ่นใหม่ชอบอยู่บ้าน ครอบครัวใหญ่นิยมพักอาศัยร่วมกับผู้สูงอายุในบ้านหลังเดียวกันมากขึ้น ดีมานด์ตลาดไฮเอนด์มีตลอดเวลา ALIYAH RESERVE เป็นทางเลือกที่่แตกต่างสำหรับการซื้อเพื่ออยู่หรือลงทุน บนที่ดิน 175-200 ตร.ว. สนนราคา 218-297 ล้านบาทซึ่ง จะเปิดพรีเซลวันที่ 26-27 พ.ย.นี้ และจะเริ่มสร้างปลายปีคาดว่า ก่อสร้างเสร็จไตรมาส4ปี67"

โดยกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นเจ้าของธุรกิจ ครอบครัวใหญ่ ทั้งคนไทยและต่างชาติ ซื้ออยู่อาศัยเองและเพื่อลงทุนปล่อยเช่าและจากมาตรการวีซ่าLTR ของรัฐบาลจะดึงต่างชาติมีศักยภาพมาอยู่เมืองไทยระยะยาวจะเป็นปัจจัยบวกต่อโครงการในการเป็นทางเลือกให้คนต่างชาติเข้ามาซื้อหรือเช่าจากเจ้าของที่ซื้อเพื่อลงทุน