กระทรวง พม. ปิดจุดอ่อน ย้ำจุดแข็ง แก้ปัญหา "การค้ามนุษย์"

วันนี้ (1 มิ.ย. 65) เวลา 10.00 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดงานเสวนาวิชาการนำเสนอผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหา การค้ามนุษย์ ของประเทศไทย หัวข้อ “เหลียวหลัง แลหน้า การป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย” โดยมี นางพัชรี  อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) กล่าวรายงาน ณ ห้องประชุมปกรณ์ อังศุสิงห์ ชั้น 2 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. สะพานขาว กรุงเทพฯ และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

 

ทั้งนี้ มีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย 1) นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำเสนอผลการดำเนินงานด้านคุ้มครองช่วยเหลือ 2) นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน นำเสนอผลการดำเนินงานด้านป้องกัน 3) พันตำรวจเอก ณรงค์ เทศวิบูลย์ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำเสนอผลการดำเนินงานด้านดำเนินคดี

 

และ 4) ดร.รัชดา ไชยคุปต์ ผู้แทนไทยด้านสิทธิสตรีในคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก นำเสนอมุมมองอาเซียนกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ รวมทั้ง ดร.อภิรดี เทียนทอง ผู้จัดการโครงการอาเซียน - ออสเตรเลีย เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ประจำประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินการเสวนา

 

นายจุติ กล่าวว่า การเสวนาในวันนี้ จะเป็นการทบทวนบทบาทของกระทรวง พม. ร่วมกับหุ้นส่วนของเราทุกคนในกระบวนการยุติธรรม กระบวนการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศาล อัยการ และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ เราต้องการชี้ให้เห็นว่า จริงๆ แล้ว ประเทศไทยเดินหน้าทำงานมามากสำหรับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทุกองค์กรได้ทุ่มเทการทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อให้ประเทศไทยนั้น หมดไปจากปัญหาการค้ามนุษย์ ประการต่อมา เมื่อทบทวนตัวเองแล้ว ต้องมีการประเมินว่าสิ่งที่กระทรวง พม. และทุกกระทรวง ดำเนินการมีมาตรฐานสากลไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าประเทศอื่น ทั้งในเรื่องการใช้แรงงานประมง แรงงานเด็ก และวันนี้มีเรื่องการอพยพ การแข่งขันทางการค้า ธุรกิจประมง ซึ่งมีมูลค่าสูง

 

ดังนั้น อาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้เรื่องค้ามนุษย์มาเป็นเครื่องมือการต่อรอง การเจรจาระหว่างประเทศ ดังนั้น  เราจึงจำเป็นต้องทำงานนี้เพื่อปกป้องประเทศไทย เพื่อดำเนินการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างถอนรากถอนโคน และเราต้องไม่ปฏิเสธความจริงว่า ค่านิยม รสนิยม วิถีปฏิบัติทุกขั้นตอนต้องปรับปรุง เพื่อกำจัดและตัดตอนการค้ามนุษย์อย่างถอนรากถอนโคน

 

นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ หวังว่าการเสวนาจะรวบรวมความก้าวหน้า วิธีปฏิบัติ แผนงานที่ผ่านมาในอดีต และทบทวนจุดแข็ง จุดอ่อน เพื่อปิดจุดอ่อน สร้างความเข้มแข็งบนจุดแข็งของประเทศไทย และหวังอีกว่าผลการเสวนาวันนี้ จะช่วยทำให้เราเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการ คือ การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างถอนรากถอนโคน และไม่ให้ประเทศไทยเป็นเหยื่อของการถูกกล่าวหาจากการค้ามนุษย์อีกต่อไป