อัปเดต มอบเงิน 3 แม่ค้ารถเข็น เหตุไฟไหม้สำเพ็ง ช่วยค่าทำศพ 5 หมื่นบาท
อัปเดตเหตุไฟไหม้สำเพ็ง กฟน. มอบเงินช่วยเหลือ 3 แม่ค้ารถเข็น ค่าทำศพผู้เสียชีวิตไฟไหม้สำเพ็งรายละ 5 หมื่นบาท ทบทวนการดูแลรักษา-นวัตกรรมแจ้งเตือนหม้อแปลง จัดระเบียบสายสื่อสารร่วมหน่วยงาน แจงสาเหตุเกิดควันสายไฟฟ้าเมื่อวานนี้ พบแอบลักลอบใช้ไฟ-หาตัวไม่เจอ
จากเหตุการณ์ไฟไหม้สำเพ็ง เพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ย่านสำเพ็ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บอีก 11 คน และทรัพย์สินเสียหาย โดยเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน 2565 ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. (29 มิ.ย. 65) นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง กฟน. และ โฆษก MEA ได้ลงพื้นที่มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับกลุ่มร้านค้ารถเข็นซึ่งได้แจ้งความและประเมินค่าเสียหายในวันเกิดเหตุไว้ที่ สน.จักรวรรดิ จำนวน 3 ราย ได้แก่ นางรำไพ ซาววงศ์ จำนวนเงิน 17,000 บาท นางสาวสมใจ โสพิษ จำนวนเงิน 6,000 บาท และนางแพง อรสาม จำนวนเงิน 13,000 บาท
ส่วนผู้เสียชีวิตจะมีการมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นค่าทำศพรายละ 50,000 บาท โดยมี พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผบก.น.6 และ พ.ต.อ.นนท์ นุ่มบุญนำ รรท.ผกก.สน.จักรวรรดิ ร่วมประสานงานและดำเนินการกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน
นายจาตุรงค์ กล่าวว่า การไฟฟ้านครหลวงขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ทาง กฟน. ได้ดำเนินมาตรการเยียวยาเร่งด่วน เพื่อให้ผู้ประสบเหตุได้รับความช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยไม่รอกระบวนการพิสูจน์หลักฐาน ล่าสุด นอกจากผู้เสียหายในกลุ่มร้านค้ารถเข็นแล้ว ได้ติดต่อให้ความช่วยเหลือกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และอยู่ระหว่างการติดต่อให้ความช่วยเหลือกับผู้ได้รับผลกระทบในกลุ่มอื่น ๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่สามารถดำเนินการได้และเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ ขณะที่ด้านกระบวนการทางกฎหมาย ยังต้องรอผลการตรวจสอบหาสาเหตุของเพลิงไหม้ และมูลค่าความเสียหาย เพื่อให้ความเป็นธรรมสูงสุดต่อผู้ได้รับผลกระทบ
" ยืนยันว่า การไฟฟ้านครหลวงจะปรับปรุงแก้ไขปัญหาร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เหตุสูญเสียเกิดขึ้นอีก โดยมีมาตรการทบทวนแผนการบำรุงดูแลรักษาอุปกรณ์ เพิ่มความถี่ในการตรวจสอบ นำนวัตกรรมการแจ้งเตือนเหตุสำหรับหม้อแปลงไฟฟ้ามาใช้เพิ่มเติมจากระบบเดิมที่มีอยู่ พร้อมเร่งตรวจสอบดูแลระบบไฟฟ้ารวมถึงจุดเสี่ยงต่าง ๆ และจัดระเบียบสายสื่อสารร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน"
ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตัวเอง ให้โทรศัพท์ไปยังสายตรงของสำนักงานเขตที่อาศัย จากนั้นรวบรวมค่าความเสียหายที่รวบรวมได้ เพื่อแจ้งกับเจ้าหน้าที่ ส่วนในเรื่องประกัน หากผู้เสียหายทำประกันรถ หรือ บ้านไว้ ก็สามารถแจ้งกับประกันภัยไว้ได้เลย หลังจากนั้นทางประกันภัยจะทำเรื่องมายังการไฟฟ้าต่อไป
นายจาตุรงค์ กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้น เมื่อได้ดูจากคลิปบันทึกเหตุการณ์ เห็นกลุ่มควันที่เกิดขึ้นจากด้านหลังหม้อแปลง ซึ่งปกติหม้อแปลงจะไม่มีควันขึ้นแบบนี้ เพราะหม้อแปลงเป็นโครงเหล็ก โดยตามหลักแล้ว ภายในหม้อแปลงจะมีระบบป้องกัน มีการระบายความร้อน หากเกิดความร้อนสูงระบบก็จะตัดอัตโนมัติ จึงสงสัยว่าควันเกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องดูจากกล้องวงจรปิดบริเวนข้างเคียง แต่ทั้งนี้ ไม่ได้จะปัดความรับผิดชอบ แต่จะขอเยียวยาค่าเสียหายเบื้องต้นไปก่อน สำหรับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถประกอบอาชีพได้
นายจาตุรงค์ เผยอีกว่า นอกจากนี้ทราบว่า เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา มีควันเกิดขึ้นที่สายไฟฟ้า ใกล้กับจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ จนทำให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวลกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบก็พบว่า เป็นไฟช็อตที่สายไฟฟ้าตามปกติ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจเชิงลึกพบว่า มีการลักลอบเดินสายไฟจากบ้านหลังหนึ่งไปที่สายไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำลักษณะนี้เป็นอันตรายที่จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่จึงได้ตัดสายไฟออก ส่วนตัวเจ้าของสายขณะนี้ยังไม่พบแต่อย่างใด
นายจาตุรงค์ กล่าวว่า อุปกรณ์ต่างๆ ของทางการไฟฟ้าไม่ควรนำมาดัดแปลง เพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้ ในส่วนของสายไฟบนเสานั้น ของการไฟฟ้ามีเพียงแค่ 7 สาย คือ 3 สายบนสุด และ 4 สายที่อยู่ถัดลงมา ส่วนที่อยู่ต่ำกว่านั้น คือสายสื่อสารจากผู้ประกอบการโทรคมนาคม โดยหากจะมีการเดินสายต้องแจ้งไปทาง กสทช. ให้รับทราบ แล้วจึงมาขออนุญาตกับทางการไฟฟ้า จึงจะทำได้ แต่พบว่ามีบางรายไม่ได้ขออนุญาต และมีการเพิ่มจำนวนสายสื่อสารในจุดต่างๆ ซึ่งในการเพิ่มสายสื่อสารนี้ บางครั้งก็จะทิ้งสายเดิมไว้ หรือที่เรียกว่า สายตาย จนทำให้มีสายเคเบิ้ลรกรุงรังเป็นจำนวนมาก โดยหากพบว่ามีการกระทำดังกล่าวก็จะสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้
ด้าน นางรำไพ ซาววงศ์ อายุ 55 ปี กล่าวว่า ตนขายกาแฟโบราณ อยู่หน้าตึกแถวที่เกิดเหตุ มากว่า 20 ปี ในวันดังกล่าว ขณะกำลังขายของอยู่ เห็นควันลอยออกมาจากหม้อแปลงผิดปกติ จึงรีบหมุนรถเข็นเตรียมที่จะเข็นออกจากจุดดังกล่าว ก่อนจะมีคนตะโกนว่า มีน้ำอะไรบางอย่างหยดลงมา ตนก็กำลังจะรีบเข็นรถออก แต่ไม่ทัน อยู่ๆเกิดเพลิงปะทุขึ้นที่หม้อแปลง จึงรีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ไม่ทันได้เข็นรถออกมาด้วย ทำให้ข้าวของในรถเสียหายทั้งหมด
นางรำไพบอกอีกว่า วันนี้ได้รับเงินเยียวยาทั้งสิ้น 17,000 บาท ก็รู้สึกพึงพอใจ เพราะหลังจากที่เกิดเหตุไฟไหม้ ทำให้ไม่ได้ขายของมาหลายวันทำให้ขาดรายได้ หลังจากนี้จะนำเงินจำนวนนี้ไปซื้ออุปกรณ์ขายของใหม่ แล้วก็คงจะกลับไปขายในละแวกเดิม เพราะขายตรงจุดนั้นมานานแล้ว
" ที่ผ่านมาหม้อแปลงดังกล่าวไม่เคยเกิดความเสียหาย หรือ ช็อตแต่อย่างใด นอกจากนี้ก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบตลอด หลังจากนี้อยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาจัดระเบียบสายไฟ และ ดูแลให้ดีกว่านี้ จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก"