เปิดผลวิจัยวัคซีนโควิด-19ทุกชนิด ช่วยรักษาชีวิตคนไทยไว้เกือบ 5 แสนคน
เปิดผลวิจัยวัคซีนโควิด-19ทุกชนิดตั้งแต่ 28 ก.พ.64 ช่วยรักษาชีวิตคนไทยไว้เกือบ 5 แสนคน ระบุเจอโอมิครอน ภูมิคุ้มกันลด เร่งฉีดเข็มกระตุ้นเพิ่มระดับป้องกัน
เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ในการแถลงสถานการณ์โควิด-19 รศ.ดร.ชรินทร์ โหมดชัง ผู้เชี่ยวชาญด้าน Mathematic Modeling สำหรับโรคติดต่อ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงผลการศึกษาวิจัยการฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อการรักษาชีวิตของคนในประเทศไทยว่า จากที่มีงานวิจัยตีพิมพ์วารสารวิชาการ ซึ่งที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลกได้ประเมินว่าหลังจากทั่วโลกฉีดวัคซีนโควิด-19 ช่วงเวลา 1 ปีช่วง 8 ธ.ค.2563-8 ธ.ค.2564 ใน 1854 ประเทศ ผลปรากฏว่า ช่วยรักษาชีวิตคนได้ประมาณ 20 ล้านคนทั่วโลก ส่วนเฉพาะประเทศไทย วัคซีนทุกชนิดที่มีการฉีดช่วง 28 ก.พ.2564 -8 ธ.ค.2564 ช่วยรักษาชีวิตคนไทยไว้ได้ 382,600 คน
แต่สถานการณ์โควิด-19ในประเทศไทยไม่ได้จบเพียงช่วงเวลาดังกล่าว แต่เจอสายพันธุ์โอมิครอนระบาดช่วงปลายปี 2564 คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดลร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวร จึงศึกษาวิจัยวัคซีนโควิด-19ช่วยรักษาชีวิตคนไทยได้เท่าไหร่ หลังจากวันที่ 8 ธ.ค.2564 โดยใช้แบบจำลองเดียวกับงานวิจัยในต่างประเทศ พบว่า สามารถช่วยรักษาชีวิตคนไทยจากโควิด-19 ได้เพิ่มเติมอีกประเมาณ 107,400 คน เมื่อรวมแล้วที่ผ่านมาวัคซีนโควิด-19ทุกชนิด ช่วยรักษาชีวิตคนไทยไว้ตั้งแต่ 28 ก.พ.2564-3 ก.ค.2565 490,000 คน ถือว่าเป็นจำนวนมาก ซึ่งยังไม่รวมถึงการช่วยลดค่าใช้จ่ายอื่นๆด้วย เช่น เมื่อป่วยไม่หนักก็ไม่ต้องเสียค่ารักษามาก เป็นต้น
รศ.ดร.ชรินทร์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของอัตราการเสียชีวิต ช่วงที่ยังไม่มีวัคซีน ซึ่งไม่เท่ากันในแต่ละบุคคลจะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยหากคนอายุ 60 ขึ้นไปมีโอกาสเสียชีวิต 1 -10% แต่หากเฉลี่ยทุกช่วงอายุอยู่ที่ประมาณ 1.15% แต่เมื่อมีวัคซีนแล้วอัตราการเสียชีวิตของผู้ติดโควิด-19 เริ่มลดลงเรื่อยๆและลดลงอีกเมื่อมีการฉีดเข็มกระตุ้น แต่พบว่าภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีนจะลดลงตามเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสายพันธุ์โอมิครอน ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนจะลดลงเร็วมากและคนที่ติดสายพันธุ์โอมิครอนก่อนหน้ายังติดโอมิครอนซ้ำได้อีก จึงมีความจำเป็นที่ต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจนำไปสู่อาการรุนแรงและเสียชีวิต
“วัคซีนมีประโยชน์มากแต่ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนจะลดลงไปตามเวลาถือเป็นธรรมชาติของภูมิคุ้มกัน คล้ายกับผลของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ต้องฉีดกันทุกปี ตอนนี้โควิดมีสายพันธุ์ใหม่ที่หน้าตาเปลี่ยนไปจากเดิมนิดหน่อย ดังนั้นการฉีดวัคซีนกระตุ้น ในระยะเวลาที่เหมาะสม 4-5 เดือน ฃประสิทธิผลจะยิ่งมากเมื่อคนอายุมาก มีความคุ้มค่า”รศ.ดร.ชรินทร์ กล่าว