4 กรณีผิดกฎหมาย "กัญชา"เป็น "สมุนไพรควบคุม" กำชับตำรวจจับกุม
สธ.ส่งหนังสือถึงสตช.กำชับจับกุม ผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย “กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม” ศึกษาวิจัย-ส่งออก-จำหน่าย-แปรรูปเพื่อการค้าไม่ขออนุญาต ขณะที่ “อนุทิน”ปัดกำหนดKPI รพ.เปิดคลินิกกัญชาเพื่อระบายการใช้ ส่วน “ทอม เครือโสภณ”เป็นเพื่อน แต่ถ้าผิดก็ว่าตามผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2565 นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด ที่ สธ ๐๕๑๓.๐๓/๒๕๖๖ เรื่อง การดำเนินคดีกับผู้ไม่ขออนุญาตศึกษาวิจัย หรือส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ถึงผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สาระสำคัญ ระบุว่า ด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 และเมื่อประกาศกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมแล้ว บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งอยู่ในความหมายของคำว่าผู้ใดต้องได้รับอนุญาตให้ศึกษาวิจัยหรือส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ตามความในมาตรา 46 แห่งพ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542ทุกกรณี
ทั้งนี้ การดำเนินการขออนุญาตต้องดำเนินการตามกฎกระทรวงการอนุญาตให้ศึกษาวิจัย หรือ ส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า พ.ศ. 2559 ซึ่งผู้อนุญาตตามกฎกระทรวงดังกล่าว คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงสาธารณสุขมอบหมาย โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเป็นผู้อนุญาตในส่วนกลาง และมอบหมายให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้อนุญาตในเขตพื้นที่แต่ละจังหวัดที่รับผิดชอบ
ในการนี้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กระทรวงสาธารณสุขจึงขอแจ้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ร่วมกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีกับบุคคลหรือนิติบุคคลใดที่ไม่ดำเนินการตามมาตรา 46 ในกรณีดังต่อไปนี้ ไม่ขออนุญาตศึกษาวิจัยกัญชาไม่ขออนุญาตส่งออกกัญชา ไม่ขออนุญาตจำหน่ายกัญชา ไม่ขออนุญาตแปรรูปกัญชาเพื่อการค้าเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสมุนไพรและการใช้ประโยชน์พืชกัญชาทางการแพทย์ และเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565
ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติในมาตรา 3 แห่งพ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 แปรรูป หมายความว่า การปรุงแต่งหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพหรือคุณสมบัติของสมุนไพร ดังนั้น เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กรณีที่บุคคลหรือนิติบุคคลใดไม่ดำเนินการตามมาตรา 46 หากพบการกระทำผิดกรณีไม่ขออนุญาตศึกษาวิจัย ไม่ขออนุญาตส่งออก ไม่ขออนุญาตจำหน่าย ไม่ขออนุญาตแปรรูปกัญชาเพื่อการค้า ต้องดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีตามมาตรา 78
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2565 ที่สถาบันบำราศนราดูร กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ การออกกฎหมายต่างๆ ก็เป็นการควบคุมกัญชาในประเทศ เพื่อการแพทย์และสุขภาพ ไม่มีเรื่องอะไรนอกเหนือจากนี้ ในร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ที่อยู่ในกรรมาธิการ ไม่มีเรื่องสันทนาการ โดยผู้ที่ใช้ผิดวัตถุประสงค์ก็ต้องถูกดำเนินคดี ทั้งนี้ หนังสือที่ออกมาเป็นการควบคุมการใช้ ช่อดอก กัญชา ที่จะนำไปแปรูป การใช้กัญชาไปทำอย่างอื่น อย่างการนำไปตากแห้งมาใช้มวนบุหรี่ ก็เป็นความผิดว แล้วยังผิดกฎหมายสรรพสามิตที่มีการแปรรูปเป็นบุหรี่
“หากจะขายช่อดอก จะต้องขออนุญาต ซึ่งไม่มีทางอนุญาตขายเพื่อการสูบเสพ อย่าทำให้คนด้อยค่ากัญชา แต่คนที่จะใช้ประโยชน์จากกัญชา เช่ นผู้ป่วยมะเร็ง ทางผู้ประกอบการที่รับออเดอร์ สร้างโรงงานแล้ว ถ้าเลิกตอนนี้อะไรจะเกิดขึ้น เพราะกฎหมายไม่ได้ให้ใช้เพื่อสันทนาการอยู่แล้ว เป็นสิ่งพื้นฐาน ทุกคนต้องรู้ จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้” นายอนุทินกล่าว
ถามถึงกรณี ‘นายทอม เครือโสภณ’ ที่นำเข้ากัญชาจากต่างประเทศโดยไม่ได้สำแดงข้อเท็จจริงต่อกรมศุลกากร และถูกมองว่าเป็นเพื่อนกับรมว.สธ.สาธารณสุขและเป็นเด็กปั้นว่า เป็นเพื่อน แต่ไม่ได้แปลว่าจะทำผิดกฎหมายได้ อย่างการนำเข้า กรมศุลกากร ก็ออกมาแถลงว่ามีการกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมายอย่างไร และ พ.ร.บ.ควบคุมและกักพืช ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และในร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ... หรือ ประกาศให้กัญชาพ้นเป็นยาเสพติด มีข้อห้ามในการนำเข้าเมล็ดพันธุ์และส่วนประกอบของกัญชาชัดเจน การนำเข้าจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องระบุว่านำมาใช้วิจัยเพื่อรักษาผู้ป่วยการแพทย์
ฉะนั้นใครที่ทำเกินกรอบถือเป็นความผิดกฎหมาย ที่สำคัญ นโยบายกัญชง กัญชาทางการแพทย์เน้นปลูกใช้กัญชาในประเทศที่มีคุณภาพดีอยู่แล้ว ตามที่เห็นน้ำมันกัญชาที่กรมแพทย์แผนไทยได้นำไปใช้ในคลินิกกัญชา อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ
“ผมมีเพื่อนทุกวงการ แต่เพื่อนคือเพื่อน หน้าที่คือหน้าที่ ทุกคนต้องรับผิดชอบตัวเอง เพื่อนผมทุกคนเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ เป็นห่วงเป็นใย อยากเห็นเขาประกอบอาชีพก้าวหน้า แต่หากเขาทำอะไรนอกเหนือกฎหมายกำหนด ก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง เหมือนผมโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อนผมก็ได้แต่ให้กำลังใจ ดังนั้น เรื่องเด็กปั้นของพรรคภูมิใจไทยก็ไม่ใช่ความจริง เพื่อนผมไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เราเชิญท่านมาให้ความรู้เรื่องนโยบายกัญชา แต่จากนั้นความสัมพันธ์กับพรรคก็เป็นวิทยากร” นายอนุทินกล่าว
ถามถึงกรณีที่ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ รมว.สาธารณสุข ว่ากำหนด KPI ให้ รพ.ทุกแห่งทำคลินิกกัญชาเพื่อระบายกัญชาออกไปใช้ให้มาก นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่ตนไม่ได้ตอบในสภา เพราะตอบเฉพาะเรื่องจริง ส่วนเรื่องไร้สาระ ยกเมฆ ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนก็ไม่ตอบ เรื่องนี้ข้อเท็จจริง คือ รพ.ทุกแห่งมีคลินิกกัญชา และใช้ยากัญชาตามที่มีการบรรจุยากัญชาอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร โดยค่าใช้จ่ายทุกอย่างรับผิดชอบโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ไม่มีการตั้ง KPI ว่าแพทย์ต้องเอาใจรมว.สาธารณสุข จ่ายยากัญชาแทนการใช้ยาแผนปัจจุบัน และเชื่อว่าหากมีคำสั่งจริง แต่แพทย์ทุกท่านมีดุลยพินิจในการรักษา จ่ายยาตามเหมาะสม