"หมอธีระ" ระบุงานวิจัยชี้ "Long COVID เป็นของจริง" บั่นทอนคุณภาพชีวิต
"หมอธีระ" ชี้ยอดเสียชีวิตโควิด-19 วานนี้ พุ่งอันดับ 9 ของโลก และอันดับ 4 ของเอเชีย ระบุงานวิจัยชี้ "Long COVID เป็นของจริง" บั่นทอนคุณภาพชีวิต
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ "หมอธีระ" คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat" ถึงประเด็น "โควิด-19" ระบุว่า
1 สิงหาคม 2565...
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 559,415 คน ตายเพิ่ม 708 คน รวมแล้วติดไป 582,031,806 คน เสียชีวิตรวม 6,419,545 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุด คือ
- ญี่ปุ่น
- เกาหลีใต้
- อิตาลี
- ฝรั่งเศส
- ออสเตรเลีย
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 83.44 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 64.68
สถานการณ์ระบาดของไทย
จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และอันดับ 4 ของเอเชีย แม้สธ.ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.จนทำให้จำนวนที่รายงานนั้นลดลงไปมากก็ตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
อัพเดตความรู้ "โควิด-19"
1. "Long COVID มีอาการผิดปกติที่แตกต่างกันไปในแต่ละสายพันธุ์ของไวรัส"
Canas LS และคณะจาก King's College London ประเทศอังกฤษ ได้ทำการศึกษาจากฐานข้อมูลผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 336,652 คน ซึ่งได้ทำการบันทึกอาการต่างๆ ผ่านทาง smartphone โดยติดเชื้อในช่วงที่สายพันธุ์ต่างๆ ตั้งแต่สายพันธุ์ดั้งเดิม, อัลฟ่า, และเดลต้า ได้ระบาด
พบว่ามี 9,323 คนที่ประสบปัญหา Long COVID
ทั้งนี้เมื่อวิเคราะห์กลุ่มอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมมีอาการที่พบบ่อย 4 ประเภท สายพันธุ์อัลฟ่า 7 ประเภท และสายพันธุ์เดลต้า 5 ประเภท
ที่พบกันได้บ่อยในทุกสายพันธุ์ ได้แก่ กลุ่มอาการผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจและทางเดินหายใจ, กลุ่มอาการผิดปกติทางระบบประสาท, กลุ่มอาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับหลายอวัยวะ, และกลุ่มอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์ Omicron ที่ระบาดทั่วโลกในปี 2022 นี้ คงต้องรอดูผลการวิจัยอื่นๆ ที่จะตามมา
ทั้งนี้ ผลการศึกษานี้ย้ำเตือนให้เราเห็นว่า "Long COVID เป็นของจริง" ที่บั่นทอนคุณภาพชีวิต สมรรถนะในการดำรงชีวิตและการทำงาน รวมถึงเป็นภาระค่าใช้จ่ายต่อผู้ป่วย ครอบครัว และประเทศในระยะยาวได้
การป้องกันไม่ให้ติดเชื้อย่อมดีที่สุด
2. "การใส่หน้ากากช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ"
Alihsan B และคณะจากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิจัยทบทวนข้อมูลวิชาการอย่างเป็นระบบ (Systematic review) และเผยแพร่ผลการศึกษาใน medRxiv เมื่อวานนี้ 31 กรกฎาคม 2565
สาระสำคัญคือ การชี้ให้เห็นว่า คนที่ใส่หน้ากากจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อแพร่เชื้อน้อยกว่าคนที่ไม่ใส่หน้ากากอย่างมีนัยสำคัญ
สถานการณ์ระบาดของไทยในปัจจุบัน ยังรุนแรง ดังจะเห็นได้จากสภาวะรอบตัว ที่ติดเชื้อกันทั้งในที่ทำงาน และในครัวเรือนจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนเสียชีวิตไปกว่า 700 คนในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ระมัดระวังการกินดื่ม สังสรรค์ ปาร์ตี้ ร่วมกับผู้อื่นนอกครัวเรือน และในที่ทำงาน เพราะติดกันเยอะจากกิจกรรมลักษณะนี้
การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอเป็นเรื่องจำเป็น และจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อแพร่เชื้อไปได้มาก
อ้างอิง :
1. Canas LS et al. Profiling post-COVID syndrome across different variants of SARS-CoV-2. medRxiv. 31 July 2022.
2. Alihsan B et al. The Efficacy of Facemasks in the Prevention of COVID-19: A Systematic Review. medRxiv. 31 July 2022.