"ฝีดาษลิง" มีคำตอบ ทำไมตุ่มจึงขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ?

"ฝีดาษลิง" มีคำตอบ ทำไมตุ่มจึงขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ?

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ (หมอยง) โพสต์เฟซบุ๊กประเด็นโรค "ฝีดาษลิง" หรือฝีดาษวานร หาคำตอบกรณีผู้ติดเชื้อทำไมตุ่มจึงขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ย้ำเป็นโรคที่ยากต่อการควบคุม แต่ติดยากกว่าโควิด-19 เป็นร้อยเท่า

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ (หมอยง) หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กประเด็นโรค "ฝีดาษลิง" หรือฝีดาษวานร หาคำตอบกรณี ผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทำไมตุ่มจึงขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

- "ฝีดาษลิง" เพศหญิงรายแรกในไทยที่ กทม. เปิดไทม์ไลน์ กลุ่มเสี่ยงสูงล่าสุด

- ไทยพบ "ฝีดาษลิง" รายที่ 4 เป็นหญิงรายแรก อยู่ในกทม.

 

ลักษณะแตกต่างของตำแหน่งที่ผื่นขึ้นหรือตุ่มน้ำ ระหว่างผู้ป่วยที่เกิดในแอฟริกากับผู้ป่วยที่พบนอกแอฟริกา จะเห็นว่าประมาณ 40% ของผู้ป่วยที่เกิดขึ้นนอกแอฟริกามีตุ่มขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรือส่วนที่ทำกิจกรรมทางเพศ

ทั้งนี้เพราะ การเกิดในแอฟริกาส่วนใหญ่เริ่มต้นจากสัตว์สู่คน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ฟันแทะจำพวกหนู การที่เราได้รับเชื้อฝีดาษลิงจะรับเชื้อทางการสัมผัส หรือเข้าทางระบบทางเดินหายใจ เชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือดและต่อมน้ำเหลืองที่ทำให้ต่อมน้ำเหลืองโต มีไข้เมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว แล้วหลังจากนั้นจึงมีตุ่มน้ำเกิดขึ้น

การเกิดจะเกิดส่วนปลายของร่างกายก่อน เช่น แขน ขา ศีรษะ แล้วค่อยมาที่ลำตัว ดังนั้นการเกิดจากการกระจายไปตามกระแสโลหิต ลักษณะตุ่ม จึงเกิดในระยะเดียวกันหรือใกล้เคียงกันหรือเรียกว่าสุกพร้อมกัน

แต่การเกิดในผู้ป่วยนอกแอฟริกาจะมี 2 ระยะ ระยะแรกคือ การสัมผัสโดยเฉพาะในกิจกรรมทางเพศ เชื้อจะเข้าตามรอยถลอกของร่างกาย จึงเปรียบเสมือนเป็นการปลูกฝีแบบสมัยก่อน สมัยก่อนเราปลูกฝีโดยการหยดหนองฝีที่ต้นแขน แล้วใช้เข็มแหลม สะกิดหรือข่วน ให้เป็นรอยถลอกเล็กน้อย ตุ่มหนองฝี จะขึ้นตามตำแหน่งที่เราข่วน หรือรอยถลอก แล้วก็หายไป ร่างกายก็จะสร้างภูมิต้านทานขึ้น ยกเว้นในรายที่มีภูมิต้านทานต่ำ เชื้อจะเข้าสู่กระแสโลหิตแล้วเกิดการกระจายตัวของตุ่มได้ทั้งตัว

การเกิดตุ่มในผู้ป่วยนอกแอฟริกาที่กำลังระบาดอยู่นี้ หลายหมื่นคน จะอยู่ในกลุ่มเพศชายถึง 98% และมีตุ่มเกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศถึง 40% และผู้ป่วยมักจะพบร่วมกับโรคที่เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์ร่วมด้วย

การเกิดโรคฝีดาษลิงจึงมี 2 ระยะ

  • ระยะแรก ตุ่มที่ขึ้นจะขึ้นบริเวณอวัยวะเพศก่อน เกิดจากเชื้อสัมผัสกับรอยขูดถลอก หรือบริเวณที่สัมผัส รอยโรคจะเกิดขึ้นคล้ายกับการปลูกฝี
  • แต่เมื่อเชื้อเข้าสู่กระแสโลหิต แล้วกระจายไปทั่วจึงค่อยเกิดตุ่ม ที่ศีรษะแขนขาและลำตัว ตามมาทีหลัง ระยะต่างๆของตุ่มที่เกิดจึงไม่ได้อยู่ในระยะเดียวกันทั้งหมด

การติดต่อของโรคฝีดาษลิง ที่เกิดขึ้นนอกแอฟริกา จึงอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ และเป็นเพศชายเป็นส่วนใหญ่ แต่ต่อไปในอนาคต กิจกรรมทางเพศจะกระจายไปเข้าสู่เพศหญิงได้แล้วในที่สุด โรคนี้จึงเป็นโรคที่ยากต่อการควบคุม

อย่างไรก็ตามการติดของโรคนี้ ติดได้ยากกว่าโรคโควิด-19 เป็นร้อยเท่า ดังนั้นกลุ่มเสี่ยงเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้รับเชื้อในระยะแรกนี้

สำหรับสถานการณ์โรคฝีดาษลิงในประเทศไทย ล่าสุด กรมควบคุมโรค รายงานพบผู้ป่วยโรค "ฝีดาษลิง" หรือฝีดาษวานร รายที่ 4 ของประเทศไทย เป็นหญิงไทยอายุ 22 ปี มีประวัติเสี่ยงใกล้ชิดกับชายชาวต่างชาติที่สถานบันเทิงใน กทม.

 

CR เฟซบุ๊ก หมอยง