ยกสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ช่วยคนไทยเข้าถึงวัคซีนโควิด-19ทุกแพลตฟอร์ม
10 ปีสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ช่วยประเทศมีความมั่นคง จัดหาวัคซีนมาให้คนไทยทันเวลาเมื่อฉุกเฉิน ยกช่วงโควิด-19ช่วยติดต่อทุกเจ้านำวัคซีนเข้ามาจนมีทุกแพลตฟอร์ม สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2565 ที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ปาฐกถาพิเศษ "บทบาทของสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กับก้าวต่อไปเพื่อความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศ" ตอนหนึ่งเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ครบรอบ 10 ปี ว่า ขณะนี้สถาบันวัคซีนฯ ได้รับอนุมัติงบประมาณในการก่อสร้างบ้านของตัวเองแล้ว ซึ่งก็จะเร่งดำเนินการประมูลและก่อสร้างอาคารให้เร็วที่สุด เพื่อขยายการให้บริการเพิ่มขึ้น
จากสถานการณ์โควิด -19 ทำให้เห็นว่าสถาบันวัคซีนมีความสำคัญ ควรได้รับการสนับสนุนมากกว่านี้ ที่ผ่านมามีงบแค่ 30 ล้านบาท แค่จ่ายเงินเดือนบุคลากรก็หมดแล้ว ไม่เหลือพอที่จะไปทำการศึกษาวิจัยวัคซีนเพิ่มเติม ต้องให้การสนับสนุนมากขึ้น ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีก็ให้การสนับสนุน และครม.อนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อจัดซื้อและบริหารจัดการวัคซีนทำให้ประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันโควิด – 19 ทุกแพลตฟอร์มฉีดให้กับประชาชน
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีความชัดเจนว่า สธ.ร่วมกับสถาบันวัคซีนฯ ทำงานด้วยกันอย่างเต็มที่ สธ.พึ่งพิงองค์ความรู้การวิจัยค้นคว้าจากสถาบันวัคซีนฯ ที่มีความแม่นยำ แล้วนำไปประกอบการตัดสินใจจัดหาจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ทำให้ประชาชนมั่นใจในการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งที่จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่น มั่นใจต่อสถาบันวัคซีนฯ คือ จะต้องปราศจากการแทรกแซงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจทางการบริหารราชการแผ่นดิน หรือทางการเมือง เป็นสถาบันที่มีความเป็นกลาง ยึดถือความปลอดภัยสุขภาพประชาชนเป็นหลัก ไม่ต้องไปกังวลเรื่องกดดัน
“ต้องการให้สถาบันวัคซีนฯ เป็นที่น่าเชื่อถือ อีกหน่อยสมมติมีโรคติดต่อโรคระบาดใดก็ตาม ถ้าวัคซีนที่นำมาใช้รับรองโดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติแล้ว ประชาชนทุกคนจะต้องเชื่อมั่นและมั่นใจ ก็เชื่อว่าเราน่าจะมาถึงจุดนั้น จุดสะท้อนความมั่นคงด้านวัคซีนคือ เมื่อใดที่มีสถานการณ์จำเป็นประชาชนได้รับวัคซีนทันเวลา และวัคซีนออกฤทธิ์ตามความคาดหมาย” นายอนุทิน กล่าว