คนไทยเกินครึ่ง ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิง

คนไทยเกินครึ่ง ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิง

สวนดุสิตโพลระบุ คนไทย ร้อยละ 54.34 ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิง มองรัฐบาลจะรับมือโรคฝีดาษลิงได้ ร้อยละ 46.58 ขณะที่ ร้อยละ 81.55 อยากให้รัฐบาลประกาศ แจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง และร้อยละ 60.82 แนะนำวิธีการป้องกันดูแลตนเองให้กับประชาชน

วันนี้ (14 ส.ค.2565 ) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศในประเด็น “คนไทยคิดอย่างไร? กับ โรคฝีดาษลิง”

 

ประชาชนกว่าร้อยละ 50 ค่อนข้างวิตกกังวล

น.ส.พรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สรุปผลการสำรวจ คนไทยคิดอย่างไร? กับ โรคฝีดาษลิง ว่า สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,095 คน ระหว่างวันที่ 5-11 สิงหาคม 2565 พบว่า จากข่าวโรคฝีดาษลิงที่สื่อนำเสนอ ณ วันนี้

  • ประชาชนค่อนข้างวิตกกังวล ร้อยละ 54.34
  • โดยมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงอยู่บ้าง ร้อยละ 66.76

 

แหล่งข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนเชื่อถือมากที่สุด คือ

  • ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ร้อยละ 37.17
  • ระหว่างโรคโควิด-19 กับ โรคฝีดาษลิง ประชาชนกังวลทั้ง 2 โรค พอ ๆ กัน ร้อยละ 41.19

เชื่อรัฐบาลจะรับมือโรคฝีดาษลิงได้ แนะวิธีป้องกันตนเอง ทั้งนี้ ในส่วนของการรับมือโรคฝีดาษลิง 

  • มองว่ารัฐบาลจะรับมือโรคฝีดาษลิงได้ ร้อยละ 46.58
  • อยากให้รัฐบาลประกาศ แจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 81.55
  • แนะนำวิธีการป้องกันดูแลตนเองให้กับประชาชน ร้อยละ 60.82

คนไทยเกินครึ่ง ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิง

แม้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในประเทศไทยยังมีจำนวนไม่มากแต่ประชาชนก็ค่อนข้างวิตกกังวล ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะบทเรียนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาจึงทำให้ประชาชนรู้สึกกังวลไม่แตกต่างกัน แต่ด้วยการรับมือของกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ประชาชนจึงรู้สึกว่ารัฐบาลน่าจะรับมือกับโรคระบาดใหม่ได้ เพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น รัฐบาลจึงควรรายงานสถานการณ์ ให้ความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง

อยากให้รัฐบาลประกาศ แจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง

ด้าน อ.ดร.ปณวัตร สันประโคน อาจารย์ประจำสาขาวิชาการพยาบาลและชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่ค่อนข้างวิตกกังวลต่อโรคฝีดาษลิง เนื่องจากการแพร่กระจายเชื้อเกิดขึ้นในวงกว้างทั่วโลก แนวโน้มของการระบาดก็ยังไม่ชัดเจนและอาการแสดงคล้ายคลึงกันหลายโรค ซึ่งโรคฝีดาษลิงนอกจากส่งผลต่อการเจ็บป่วยทางกายยังส่งผลต่อสภาวะทางจิต เศรษฐกิจและสังคมของผู้ป่วยอีกด้วย

ความรู้สึกกังวลต่อภาพลักษณ์ที่เกิดตุ่มรอยโรคตามร่างกาย การถูกตีตราจากปัจจัยเสี่ยงด้านการมีเพศสัมพันธ์ใน กลุ่มชายรักชาย และต้องถูกแยกตัวเช่นเดียวกันกับโรค โควิด-19 ทำให้ต้องหยุดงานซึ่งกระทบต่อรายได้

ขณะเดียวกันรายจ่ายที่ต้องใช้ระหว่างรักษาก็เพิ่มขึ้น ผลกระทบนี้ จะรุนแรงมากขึ้นในกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อย ดังนั้น สิ่งที่ประชาชนต้องการจากรัฐบาล คือ การประกาศแจ้งเตือนข้อมูลที่ถูกต้องและเรียกร้องให้ภาครัฐต้องเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันประชาชนเองก็ควรป้องกันตนเองเช่นเดียวกันกับโรคโควิด-19 รวมทั้งติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ