17 ส.ค. "วันอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ" จาก "มาเรียม" ถึง "ภาระดอน" ภารกิจสุดหิน!
17 สิงหาคม "วันอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ" ชวนย้อนรอยเคสพะยูน "มาเรียม" จนมาถึงเคสล่าสุด..โลมาอิรวดี "ภาระดอน" ที่พบเกยตื้น ณ อ่าวไทยฝั่งตะวันออก กับภารกิจดูแลลูกสัตว์ทะเลกำพร้าที่ไม่เคยง่าย!
ย้อนกลับไปในปี 2562 หลายคนยังคงจำได้ดีว่าวันนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว “น้องมาเรียม” ลูกพะยูนน้อยขวัญใจชาวไทยแห่งเกาะลิบง จ.ตรัง ได้จากไปอย่างสงบ โดยพบสาเหตุการตายเกิดจากการอุดตันของลำไส้เล็กจากขยะพลาสติก ทำให้ลำไส้บวมมาก ปวดท้อง มีผิวหนังตายที่ลำไส้ด้านใน ร่างกายขาดน้ำ ปอดเป็นหนอง ติดเชื้อในกระแสเลือด จนทำให้เกิดภาวะช็อคและเสียชีวิตในที่สุด
แม้ว่าก่อนหน้านั้น ทีมสัตวแพทย์จากกรมทรัพยากรทางทะเลฯ และอาสาสมัครกลุ่มพิทักษ์ดุหยง จะช่วยกันดูแลและฟื้นฟูร่างกายให้มาเรียมเป็นอย่างดีตลอด 24 ชั่วโมง จนมีอาการดีขึ้นมาระยะหนึ่งแล้วก็ตาม
โดยขั้นตอนการดูแลมาเรียมของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครในครั้งนั้น มีตั้งแต่การป้อนนม, ฝึกให้กินหญ้าทะเล, การตรวจร่างกาย, การพายเรือ (แม่ส้ม) พาไปว่ายน้ำออกกำลังกาย, การลาดตระเวนเพื่อเฝ้าระวังการเกยตื้นซ้ำ, การวางตาข่ายป้องกันแมงกะพรุน, การขอความร่วมมือเรือประมงไม่ให้เข้าใกล้จุดที่อนุบาลน้อง ฯลฯ เหล่านี้ล้วนต้องใช้ความตั้งใจ ความอดทน และความเสียสละอย่างมากจากทีมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย
ภาพ : ศิรชัย อรุณรักษ์ติชัย
แม้สุดท้าย ผู้ดูแลและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะไม่สามารถยื้อชีวิตมาเรียมไว้ได้ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้สร้างความตระหนักถึงการอนุรักษ์ “พะยูน” ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศท้องทะเลไทย รวมถึงกลายเป็นการถอดบทเรียนครั้งสำคัญให้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและคนไทยทั้งประเทศ ได้เรียนรู้เรื่องวิธีการปฐมพยาบาล ฟื้นฟู และดูแลสัตว์หายากในไทยในเคสอื่นๆ ต่อไปด้วย
นอกจากเคส “น้องมาเรียม” แล้ว การเกยตื้นของสัตว์ทะเล (กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น พะยูน วาฬ โลมา) เคสอื่นๆ ก็มีให้เห็นในชายฝั่งทะเลไทยอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น “ยามีล” พะยูนน้อยเพศผู้ที่ตายหลังจากมาเรียมไม่นาน และ “โฮป” วาฬหัวทุยแคระที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านั้น
โดยสาเหตุการตายก็คล้ายๆ กันคือ ลำไส้อักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด แล้วเกิดภาวะช็อคจนเสียชีวิต ซึ่งหลายครั้งที่ทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถช่วยเหลือพวกมันให้รอดชีวิตได้ เพราะสัตว์ทะเลที่มาเกยตื้นส่วนใหญ่จะมีโอกาสรอดชีวิตเพียง 1% เท่านั้น
ล่าสุด.. กับเคส “น้องภาระดอน” ลูกโลมาอิรวดีที่พบเกยตื้นที่ จ.ตราด โดยไม่พบแม่โลมาในบริเวณใกล้เคียง ต่อมาเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยฯ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จ.ระยอง ได้เข้าช่วยเหลือและนำมาดูแลฟื้นฟูตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
มีข้อมูลจากเพจ thaiwhales ระบุว่า ส่วนมากเมื่อโลมาและวาฬเข้ามาเกยตื้น อาการมักจะค่อนข้างซีเรียส ไม่สามารถทรงตัวว่ายน้ำได้เอง ในเคส “ภาระดอน” ก็เช่นกัน เจ้าหน้าที่ต้องประคองและผลัดเวรเฝ้าดูอาการกัน 24 ชั่วโมง ให้การรักษาแบบประคับประคอง เพื่อให้น้องแข็งแรงขึ้น
ภาพ : thaiwhales
สำหรับ การดูแลฟื้นฟูร่างกาย “น้องภาระดอน” ของเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยฯ อ่าวไทยฝั่งตะวันออก มีไทม์ไลน์คร่าวๆ ดังนี้
22-28 ก.ค. 65 : เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ “ภาระดอน” นำมาดูแลฟื้นฟูในบ่อพักฟื้น ช่วงแรกน้องทรงตัวไม่ได้ ว่ายน้ำไม่ได้ มีบาดแผลตามตัว สัตวแพทย์ให้ยารักษา ป้อนนม พร้อมฝึกทรงตัวว่ายน้ำ
29 ก.ค. 65 : โลมาอิรวดีน้อย “ภาระดอน” เริ่มว่ายนำ้เองได้ หลังจากได้นมและการรักษาจากทีมสัตวแพทย์ เริ่มมีพลังกายที่ดีขึ้น
30 ก.ค. 65 : น้องเริ่มทรงตัวว่ายน้ำเองได้บ้างแล้ว
31 ก.ค. 65 : สัตวแพทย์ของศูนย์วิจัยฯ อ่าวไทยฝั่งตะวันออก และทีมสัตวแพทย์ ทช. ต้องหาวิธีป้อนนมให้น้องกินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถป้อนได้ เปลี่ยนท่าไปมา มีทั้งเดินให้ ให้ปริ่มๆ น้ำ ให้ที่อก พยายามให้น้องดูดเองเยอะๆ น้องมาขอนมกินบ่อยขึ้นๆ
1 ส.ค. 65 : เริ่มกินนมเองได้แล้ว ขอนมตลอดเวลา ยังมีการให้นมทางสายยางร่วมด้วย เริ่มว่ายน้ำได้มากขึ้น บางครั้งก็ดีดแรงๆ บ้าง สัตวแพทย์และพี่เลี้ยงจึงต้องระวังกันมากเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้น้องเจ็บตัวจากการชนบ่อยาง มีการวางแผนงานผลัดเวรกันดูแล 24 ชม. และหาอาสาสมัครเพิ่ม
2 ส.ค. 65 : อาสาสมัครผลัดกันป้อนนมให้น้อง ทั้งกลางวัน-กลางคืน ในกะกลางคืนมีนักศึกษาฝึกงานสัตวแพทย์จาก มหาวิทยาลัยมหิดล มาช่วยป้อนนมให้น้องตอนตี3-ตี4
3 ส.ค. 65 : การช่วยเหลือลูกโลมาเกยตื้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย หลังจากภาระดอนเริ่มว่ายน้ำทรงตัวได้เอง ดูดนมได้เอง ทีมสัตวแพทย์จึงลองหยุดให้อาหารทางสายยาง เมื่อคืนน้องยังกินได้อยู่ แต่เช้านี้ดูเซื่องๆ ไม่ active และหลับเยอะกว่าเดิม อาการทรงๆ ไม่ดีขึ้น เย็นนี้หากไม่ดีขึ้นคุณหมอจะพิจารณาให้อาหารทางสายยางอีกครั้ง สัตวแพทย์และพี่เลี้ยงต้องคอยดูอาการตลอดเวลา
5 ส.ค. 65 : สำหรับนมที่ใช้ป้อนภาระดอน ทีมสัตวแพทย์อธิบายว่าช่วงแรกใช้นมสำหรับลูกแมวลูกหมา KMR พร้อมเติมสารอาหารอื่นๆ ที่จำเป็น หลังจากนั้นปรับมาใช้นม Zoologic และเติมส่วนผสมอื่นๆ ตามสูตรเฉพาะเพื่อเลี้ยงลูกสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมอย่าง “โลมา”
8 ส.ค. 65 : เกิดฝนตกหนักติดกันอยู่หลายวัน ทำให้บ่ออนุบาลชั่วคราวมีอุณหภูมิน้ำช่วงกลางคืนเย็นมากเกินไปหน่อย ทีมอาสาสมัครและสัตวแพทย์จึงใส่ฮีตเตอร์เพิ่มอุณหภูมิในบ่อ เพื่อช่วยทำความร้อนไม่ให้น้ำหนาวเย็นเกินไป เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานและน้องภาระดอนอุ่นขึ้น (หลังจากนั้นมา ยังไม่มีรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติม)
ทั้งนี้ โลมาอิรวดี เป็นสัตว์คุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และเพิ่งได้รับการเห็นชอบจากการเสนอให้เข้าเป็นสัตว์สงวนโดยคณะกรรมการทะเลแห่งชาติเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ก็จัดให้โลมาอิรวดีเป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ (Endangered)
-----------------------------------------
อ้างอิง : thaiwhales, ngthai