ล้วงชีวิต ‘แว่นใหญ่-โอฬาร’ ผ่านบทเพลง

ล้วงชีวิต ‘แว่นใหญ่-โอฬาร’ ผ่านบทเพลง

พบกับบทเพลงที่เป็นตัวแทนความรู้สึก เป็นแรงบันดาลใจ ฯลฯ ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของ 'แว่นใหญ่-โอฬาร'

เนื่องเพราะความรักในเสียงดนตรีตั้งแต่วัยเด็ก กระทั่งสั่งสมประสบการณ์เรื่อยมา จนล่าสุดได้มีโอกาสเป็นศิลปินเดี่ยว ปล่อยซิงเกิลออกมาจนได้รับความนิยมอย่างท่วมท้น จนทำให้วันนี้ชื่อของนักร้อง-นักดนตรีและนักแต่งเพลง ‘แว่นใหญ่’  โอฬาร ชูใจ กลายเป็นศิลปินที่ทุกคนชื่นชอบในผลงาน

และเมื่อครั้งที่ได้มานั่งเล่าถึงเรื่องราวของชีวิตที่ผ่านมาผ่านบทเพลงในช่วง Soundtrack Of Life ที่ Goodtime FM 88.5 แว่นใหญ่ ได้บรรจงคัดสรร 10 เพลงในความทรงจำ และมีอิทธิพลในชีวิต พร้อมย้อนเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่มีบทเพลงนำพาไว้ได้อย่างน่าฟัง

S__69435407_0

S__69435417

 

 

ใจโทรมๆ – ไมโคร

       “จำได้ว่าตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมเรียนชั้นประถมต้น ๆ ป.2-ป.3 เอง จริงๆ เราฟังเพลงตั้งแต่เด็กๆ ฟังตามพี่สาวสามคน แต่ละคนฟังไม่เหมือนกันด้วย พี่สาวคนโตจะฟังพวกเพลงติดบิลบอร์ด ชาร์ต วิสนีย์ ฮุสตัน, บอยซ์ทูเมน พี่สาวคนที่สองฟังอินดี้ เพื่อชีวิต เป็นเพลงที่เราไม่ค่อยได้คุ้น อย่างของพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ส่วนพี่สาวคนที่สามจะฟังเพลงร็อกผมจะใกล้ชิดกับพี่สาวคนที่สามสุด เขาจะฟังทั้งเพลงร็อกฝรั่ง ร็อกไทยก็มี  เพลงใต้ดินอย่าง ดอนผีบิน ก็ฟัง อย่างเพลงฝรั่งก็พวกเมทัลลิกา, แอโร สมิธ ผมก็ฟังตามเขามา

 

ช่วงนั้นก็จะมีชอบเพลงของวงไมโคร หลายๆ เพลง อย่าง  รักปอนๆ ก็ชอบ  แต่ที่เลือกเพลง ใจโทรมๆ เพราะบางอย่างในเพลงที่มีความรู้สึกว่าเพลงนี้ตรงกับความรู้สึกของเรา คาแรกเตอร์ของผมในช่วง ป.2 จะเป็นคนที่เงียบๆ Loser เลย ไม่มั่นใจในตัวเอง เป็นคนที่ง่ายๆ อะไรก็ได้ง่ายๆ ถ้าต้องแข่งกันผมแพ้เลย เหมือนในเพลงใจโทรมๆ เรายอม เราให้เขาไปได้ดีกว่า คนอื่นที่ดีกว่าเรา

 

ผมเป็นคนขี้อายมากนะ วันแรกใส่ชุดลูกเสือไปโรงเรียนแล้วหัวเข็มขัดเราไม่เหมือนเพื่อน พอขึ้นรถโรงเรียนถึงกับวิ่งกลับบ้านเลย แต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้อินกับเนื้อเพลง เพราะเราไม่ถึงขนาดอกหัก ในช่วงวัยเด็กขนาดนั้นเราเริ่มรู้สึกว่าชอบมองใครคนนี้น่ารักจังเลย เพื่อนแซวเราก็อาย มีความรู้สึกว่าเป็นคนที่ไม่แสดงออก และลึกๆ เป็นคนขี้น้อยใจเหมือนกันมีความรู้สึกว่ามันตรงกับความรู้สึกของเรา เนื้อหา ประมาณ ไปเถอะ ไม่เป็นไร เราคงไม่สำคัญแล้ว  อาจจะเป็นเพราะเป็นคนขี้น้อยใจด้วย ตอนเด็ก ๆ จึงมีความรู้สึกว่าเพลงเหล่านี้บ่งบอกความเป็นตัวเองได้ประมาณหนึ่งเลย”

 

 

เอื้อมไม่ถึง – ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์

                “เรียกว่าเป็นช่วงเวลาในยุคนั้นด้วยที่เริ่มมีอัลเทอร์เนทีฟ ยุคนั้นก็จะมีโมเดิร์นด็อก มีพี่ป้าง มีหลายๆ วง ส่วนเราเป็นวัยรุ่นพอดีน่าจะมัธยมต้น เป็นช่วงที่เราหัดเล่นดนตรี เล่นกีตาร์ เพลงนี้จะเป็นอะคูสติก ซึ่งช่วงที่เราหัดเล่นกีตาร์ เพลงนี้ก็เป็นหนึ่งในเพลงที่หัดเล่นด้วย รู้สึกว่าในความที่เราชอบเพลงร็อก เราก็ชอบดนตรีที่เป็นอะคูสติก รวมไปถึงเนื้อหาของเพลงนี้ที่พูดถึงความรัก ที่แบบเธออยู่สูง เอื้อมไม่ถึง ตอนนั้นเราอายุ 13-14 ปี ก็เริ่มมีชอบผู้หญิง และเพลงนี้ตรงกับคาแรกเตอร์ของผม

 

คนที่เขาดี คนที่เขาสวย ช่างห่างไกลกับเราเหลือเกิน ด้วยเราเติบโตมาแบบนั้น อีกทั้งบุคลิกของเราเอง ซึ่งแน่นอนไม่ได้มีผู้หญิงวิ่งมาหาเราแน่นอน แบบพี่คนนี้หล่อจัง คือไม่ใช่เราอยู่แล้ว เราเลยรู้สึกว่าเพลงแบบนี้ เนื้อหาแบบนี้ที่เวลาเราชอบใครสักคน และเรารู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ เอื้อมไม่ถึงเป็นเพลงแรกๆ ที่เล่นกีตาร์”

 

 

รักคุณเข้าแล้ว - บอยโกสิยพงษ์Feat. ป๊อดโมเดิร์นด็อก

 

 

“เพลงนี้ผมเริ่มโตขึ้นมาอีกนิด ตอนนั้นก็จะมีเพลงของพี่บอย โกสิยพงษ์ ออกมาเป็น อาร์แอนด์บี ซึ่งกลายเป็นสิ่งใหม่ในตอนนั้น เพราะก่อนหน้านั้นเราจะฟัง R&B แบบฝรั่ง มาเจอเพลงนี้ที่ทำให้เรารู้สึกอีกแบบหนึ่ง น่าสนใจไม่แพ้กับเพลงที่เราเคยฟังมาเลย

 

ที่เลือกเพลงนี้เพราะว่าเปิดโลกบางอย่างของเราในเรื่องดนตรี ที่สำคัญมีพี่ป๊อดร้องแล้วรู้สึกว่าสารตั้งต้นคุ้นหู รักคุณเข้าแล้วเป็นไร… แล้วเปลี่ยนวิธีการร้องทำให้เรารู้สึกว่าสุดเจ๋งนะ เนื้อหา วิธีการร้องแบบพี่ป๊อด จำได้ว่านั่งรถไปกับคุณแม่ เปิดเพลงนี้แล้วร้องตามเพลง เป็นเพลงที่เราฟังบ่อยและชอบร้องตามบ่อย ในขณะเดียวกัน เราโตขึ้นเนื้อหาก็ชวนให้เรา ประมาณว่ารักคุณเข้าแล้ว เป็นคำที่ฟังแล้วรู้สึกว่าโรแมนติก เปิดแล้วนึกถึงใครสักคน รู้สึกว่าเป็นเพลงที่เข้ากับเราในวัยนั้น

 

ตอนนั้นเรามีแอบชอบและได้คุย แต่ช่วงนั้นไม่มีแฟน กว่าจะมีแฟนจริงๆ จบมัธยมปลาย ม.6 แล้วถึงจะมีแฟน   จริง ๆ ผมก็ไม่คิดไม่ฝันนะว่าวันนึงจะได้นั่งทำงานกับพี่บอย นั่งข้างๆ พี่บอย เขียนเพลงให้ หรือทำอะไรร่วมกับเขา ผมคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนด้วย ใครจะไปคิดว่าสักวันจะเป็นแบบนี้ พี่บอยเป็นเหมือนอาจารย์ประมาณหนึ่ง และเป็นไอดอลสำหรับผม วันหนึ่งที่เราทำงานมาเรื่อยจนถึงวันนี้ผมก็รู้สึกบางทีก็เล่นดนตรีไป ก็คิดว่าเราฝันไปหรือเปล่า”

 

 

 

ต่างคนต่างรอ – Friday

 

 

“เพลงนี้เริ่มมีความซับซ้อนของเนื้อหา ของวิธีของการเล่า รู้สึกว่าเริ่มตรงจริต เพราะเราเริ่มโตขึ้น เริ่มโตขึ้นอีกนิด รู้สึกว่าเพลงแบบนี้ ไม่รู้ทำไมมีเสน่ห์บางอย่างที่บางทีเราแอบชอบใครไปตามความรู้สึก พอเราโตขึ้น จะเริ่มซับซ้อนขึ้น แล้วเพลงนี้ก็อธิบายความซับซ้อนค่อนข้างได้ดีในวัยเรา เวลาเราชอบใครแต่เขาอาจไม่ได้ชอบเรา เค้าอาจจะชอบใครสักคนหนึ่ง

 

เพลงนี้ไม่ค่อยตรงกับชีวิตจริงผมนะ แต่ผมรู้สึก เพลงนี้ตรงกับคาแรกเตอร์เรา คาแรกเตอร์แบบเพื่อนพระเอก ไม่รู้ทำไม อธิบายไม่ได้ วิธีการเล่าทำให้รู้สึกว่ามันน่าสงสาร ฉันเข้าใจความขมขื่นที่รอคอยแบบนี้เพราะเราเป็นเหมือนกัน ผมว่าอารมณ์ส่วนหนึ่งของผมอาจจะเป็นแบบนั้นอยู่ตอนนั้น แต่ว่าก็ไม่ตรงขนาดที่ว่าตรงกับชีวิตผม ผมไปแอบชอบ ไม่ได้ขนาดนั้น แต่เป็นเพลงที่ถ้านึกถึงอัลบั้มนี้ของ Friday ผมชอบเพลงนี้ที่สุดเลยไม่รู้ทำไม เพลงอื่นก็ชอบแต่เพลงนี้เป็นเพลงที่รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ตรงกับความน้อยเนื้อต่ำใจ กับคาแรกเตอร์ที่สะสมของเรา มีบางอย่างที่ตรงกันอยู่และมีความเชื่อว่าหลายๆ คนที่ฟังและอยู่ในอารมณ์นี้น่าจะมีความหมายบางอย่าง ไม่รู้จะอธิบายยังไง”

 

 

Happiness...is - Moderndog

 

 

“เพลงนี้น่าจะช่วงที่ผมเรียนมหาวิทยาลัยแล้วอายุประมาณ 21 ที่เลือกเพลงนี้ อย่างแรกเป็นเพลงที่ไม่มีเนื้อร้อง เพลงที่อธิบายความหมายของคำว่าความสุขได้ประมาณหนึ่งทั้งที่ไม่มีเนื้อร้อง

 

ชีวิตของผมไม่ใช่ความสุขทั้งหมด แล้วไม่ใช่ความเศร้าทั้งหมด ความผสมผสานกันระหว่างทุกสิ่งทุกอย่าง ผมมีความรู้สึกว่าเพลงนี้สุดท้ายมันมีความรู้สึกที่ทำให้เรารู้สึกว่า ชีวิตบางทีมันเป็นแบบนี้ ไม่ได้เศร้าขนาดนั้น และไม่ได้สุขขนาดนั้น มันคือความหมายของความสุข

 

ผมเป็นคนแปลก เป็นคนคิดอะไรไม่ค่อยเหมือนใคร แต่สิ่งหนึ่งที่เรียนรู้ก็คือตอนที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนตอน ม.5 ผมรู้สึกว่าแปลกแยกเสมอ รู้สึกแตกต่างเสมอ จนวันที่ไปอยู่ที่ต่างประเทศ รู้สึกว่าได้รับความรู้สึกที่ดีจากการที่แตกต่าง เหมือนเขาสอนให้ยอมรับว่าแตกต่างไม่เป็นไร แตกต่างดี แตกต่างไม่ผิด เริ่มรู้สึกกล้าเอาความต่างออกมามากขึ้น รวมถึงการเล่นดนตรีด้วย

 

ผมก็เคยบอกพี่ป๊อดนะว่าชอบเพลงนี้ นั่งคุยกันมีโอกาส แต่นานแล้ว สมัยอยู่ที่เมืองนอก พี่ป๊อดไปเล่นคอนเสิร์ตเราเป็นคนดูแลพี่ป๊อด และได้คุยได้ถาม ผมว่าพี่ป๊อดคงรำคาญ (หัวเราะ) บอกพี่เขาว่าพี่ เพลงนี้ผมชอบมาก ทำไมเป็นอย่างนี้ ทำไมเป็นอย่างนั้น เนื้อหาเพลงหรืออะไรแบบนั้น บอกเขา เขาก็รู้ ทุกวันนี้เจอพี่ป๊อด สมัยมัธยมเขาเป็นไอดอลเราอย่างไร ทุกวันนี้ก็ยังปลื้มเหมือนเดิม

 

เหมือนความทรงจำของเราที่เราเห็นเขาในวันที่ไปดูคอนเสิร์ตครั้งแรก น่าจะช่วง ม. 3  ไปดูโมเดิร์นด็อก ที่สนามกีฬากองทัพบก ความทรงจำครั้งแรกที่เห็นพี่ป๊อด ตรงนั้นเราฟังเพลงเข้ามาเยอะมันมีความหมายมากๆ ผมว่ามีค่ามากตรงที่เรารู้สึกว่ามองพี่เค้าบนยอดเขา เรามองแล้วเราก็ปีนไปด้วยจนเราไม่รู้ตัวว่าอีกทีว่าเรามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร สำหรับผม พี่ป๊อดเป็นไอดอลเบอร์หลัก ไอดอลที่รู้สึกว่าเหมือนสำหรับผมเป็นพญาอินทรี (หัวเราะ)

 

 

ง่ายดาย - Street Funk Rollers

 

       

     “เพลงนี้เป็นฟังก์ร็อกจะไม่ได้ร็อกจ๋ามาก แล้วก็เข้ากับยุคสมัยนั้นที่เราก็อยู่ในวัยเรียนมหาวิทยาลัย เป็นวัยที่เราได้มีโอกาสได้ฟังเพลงที่มันไม่อยู่ในกระแสบ้าง เพลงนี้มีคาแรกเตอร์ประมาณอะไรที่แค่นี้พอ และอะไรอย่างงี้ ไม่ต้องเยอะไม่ต้องมากมาย มันบ่งบอกความรู้สึกของตัวเองในวันที่เราเริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้นว่าเราเป็นคนแบบนี้ เราต้องการแค่นี้ เราไม่ต้องการอะไรเยอะ

 

จริงๆ อย่างหนึ่งที่ชอบเพลงนี้คือว่าไลน์กีตาร์ ด้วยความที่เราเล่นดนตรี และเรารู้สึกเพลงนี้โคตรเจ๋งเลย เล่นกีต้าร์แบบเฟี้ยวมาก แล้วก็ในเรื่องความหมายมันก็เป็นยุคที่เพลงก็จะเนื้อหาไม่ใช่แบบตอนเด็กๆ ที่ส่วนใหญ่มันจะเป็นเรื่องของความรัก อกหัก ฉันรักเธอ ฉันแอบรักเธอ เรารักกันอะไรอย่างงี้ แต่อันนี้พูดเรื่องข้อคิดแง่คิดของชีวิต เพลงแบบนี้ทุกวันนี้ก็ยังมีผลในการทำงานของผม

 

ผมจะมีเพลงบางเพลงที่ผมเขียนมีวิธีเล่าเรื่องมุมมองการมองชีวิตบ้างแล้ว แต่เราต้องยอมรับนะว่าเพลงพวกนี้เราคาดหวังไม่ได้จริงๆ เพราะว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องราวที่แบบอาจจะไม่ตรงกับชีวิตใครก็ได้ แต่ผมว่าทุกครั้งที่เราทำเพลงแล้วอยากจะหาอะไรใส่เข้าไปที่อย่างน้อยเพื่อให้มันมีส่วนที่ดีที่จะไปช่วยให้เค้ามองเห็นอะไรสักอย่างหรือแบบสะกิดอะไรบางอย่างในชีวิตแล้วเกิดความเปลี่ยนแปลงสักหนึ่งเปอร์เซ็นผมก็มีความสุขแล้ว

 

วันที่เราได้ยินเพลงแบบนี้ ทำให้ฉุกคิดอะไรบางอย่าง เรารู้สึกมันดีจังเลย เราก็รู้สึกมันเป็นแรงบันดาลใจในวันที่ทำเพลงของตัวเองด้วย สำหรับผมเป็นเพลงที่ ถ้าพูดถึง Street Funk Rollers ผมต้องนึกถึงเพลงนี้ก่อนเลย”

 

 

คาราบาว - เดือนเพ็ญ

 

        

“อันนี้หลังจากเรียนมหาวิทยาลัยก็ไปเรียนต่อที่อเมริกา เรียกว่าช่วงที่เราอยู่ที่โน่นก็เริ่มเล่นดนตรีจริงจังและเริ่มแบบเล่นประจำที่ร้านก็ได้เจอกับ ตู่ ภพธร เป็นนักร้องก่อนเรา แล้วก็เล่นกันไปสักพักก็เจอน้องคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ทอม หรือ มน ก็เจอกันที่โน่น จริงๆ เพลงนี้เป็นเพลงที่เคยฟังตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วรู้สึกว่าเพราะดีแต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมาก

 

จนช่วงที่เราอยู่ที่นั่นแบบนานๆ แล้ว 5-6 ปี เรารู้สึกว่าอยู่ๆ ได้ยินเพลงนี้ แล้วก็รู้สึกว่าเพลงนี้โคตรเพราะเลย มันเหมือนเข้าไปลากไส้เราออกมา ลากหัวใจเราออกมาด้วย เพลงนี้ก็คือเพลง เดือนเพ็ญ เวอร์ชั่นพี่ๆ คาราบาว เพลงนี้คือความชอบของเรา และความรู้สึกว่ามันมีความหมายกับเรา แต่ถ้าความจริงคนที่ไม่ได้ไกลบ้านนะเพลงนี้อาจจะเฉยๆ อาจจะฟังเพราะดีเฉยๆ”

 

 

บอกตัวเอง - ROOM39 Feat.โป่ง ปฐมพงศ์

 

 

“เพลงนี้เป็นอัลบั้มที่สองที่เริ่มทำเอง เป็นเพลงแรกที่มีฟีทเจอร์ริ่งกับศิลปินรุ่นใหญ่คือ พี่โป่ง ตอนที่ชวนพี่เขาผมตื่นเต้นมาก ผมจำไม่ได้ว่าตอนนั้นมันยังไง พอแจ้งไปทางพี่โป่งบอกว่าได้ เราดีใจมากเลย มันเหมือนถูกหวย ความรู้สึกแบบนั้นเลยจริงๆ

 

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราประสบปัญหาเรื่องความรักแล้วเราก็โกออนไม่ได้ มูฟออนไม่ค่อยไหว แล้วคุณแม่ก็ให้สติถามว่าเป็นยังไงบ้าง คือ เป็นห่วง เราก็บอกว่าไม่ดีเลยไม่ค่อยไหว แม่ก็บอกว่าเราคบกันกี่ปี ดูอย่างแม่คบกันมาตั้งนานแล้วอยู่ๆ ก็มาหายไปจากชีวิต มันไม่ง่ายนะ เพราะเขาอยู่กันมานานกว่าเราตั้งเยอะนะ

 

สิ่งที่แม่พูดคือ ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึง จะกินจะนอนเนี่ยไม่มีเลยนะ แต่สิ่งที่ต้องทำก็คือ ต้องเข้มแข็ง ต้องบอกตัวเอง ต้องอยู่ให้ได้ ถึงแม้จะรู้ว่าไม่มีวันไหนที่เราจะไม่นึกถึง เราต้องบอกตัวเองแบบนี้ไปเรื่อยๆ

 

ผมรู้สึกว่าเหมือนเราโวยวายกับแผลเล็กๆ ของเรา แม่บอกดูนี่ ดูมันเป็นแบบนี้นะ เรารู้สึกว่าข้อความนี้มันมีพลัง ถึงแม้จะสิ้นหวังเราก็ต้องบอกตัวเองให้เราเดินหน้าต่อไป ผมก็เลยอยากเอาข้อความนี้มาบอกคนอื่นๆ ด้วย”

 

เจ็บจนพอ - แว่นใหญ่

                “ ผมเต็มที่กับสิ่งที่ทำอยู่ก็พยายามสุดๆ เหมือนเดิมก็เลยเขียนเพลงนี้ออกมา จริงๆ มันมีความหมายกับผมเพราะเป็นเพลงแรกด้วยที่เป็นศิลปินเดี่ยว จากการโหวตจากน้องๆ ฝึกงานที่เลิฟอีส น้องเขามองว่าเพลงนี้เป็นตัวผม ถ้าเคยฟังเพลงบอกตัวเอง เพลงความจริง เพลงนี้ก็เป็นรสชาติที่ใกล้กับสิ่งที่ผมทำไว้

 

แล้วโดยเนื้อหาฟังแล้วรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกอิน ผมว่าหลายๆ ครั้งที่เราเขียน ผมรักหมดเลยนะ รักทุกเพลง แต่การเลือกเป็นสิ่งที่ยาก ดังนั้นการเลือกผมจะฟังความเห็น ผมจะใช้วิธีเวลาใครถามผมจะแนะนำน้องๆ ให้เราฟังทุกคน แต่สุดท้ายให้เราเชื่อตัวเองนะไม่ใช่ว่าจะไปเชื่อคนอื่น

 

ล่าสุด มนก็ไปไลฟ์สดในเฟสบุ๊กผม มีเพลงสามเพลงมาให้พวกคุณลองฟัง ชอบเพลงไหนให้เลือก เขาก็จะโหวตกัน เราก็จะเอาเสียงส่วนมากเพราะแน่นอนเราหวังว่าคนส่วนใหญ่จะฟังกัน แต่แน่นอนเรารู้แหละว่าคนส่วนมากอาจจะชอบ แต่เราก็ขอหน่อย แต่สดอาจจะน้อยหน่อยแต่ก็มีบ้าง เพลงนี้ก็จะเป็นเพลงที่เราชอบด้วย แล้วเราก็ได้รับการโหวตว่าน้อง ๆ ว่าเพลงนี้เหมาะกับคาแรกเตอร์กับตัวผมเองมากที่สุด”

 

ลืมไป - แว่นใหญ่ Feat. ปู่จ๋าน ลองไมค์

 

 

“เป็นเพลงที่ผมคิดว่าไม่ได้มีคนสนใจเท่าที่ควรเพราะเนื้อหาไม่เหมือนเพลงอื่นๆ ที่ผมเขียนเลย แต่เพลงนี้มันพูดถึงชีวิต มันก็เลยแตกต่างจากทุกๆ เพลง ดังนั้นตอนที่จะปล่อยผมไม่มั่นใจเลย แต่รู้ว่าเพลงนี้ชอบ เพราะว่าตอนนั้นไม่สบายตั้งคำถามว่าถ้าจะตายจะปล่อยเพลงไหน เราก็เลยเลือกเพลงนี้ เรารู้สึกว่ามันมีข้อความที่จริงในเพลงนั้น แล้วก็รู้สึกว่าไม่เป็นไร ไม่ดังก็ได้ จริงๆ ก็กดดันนะ แต่ถ้าตายแล้วต้องปล่อยเพลงไหนก็ต้องเลือกเพลงนี้

 

แต่ถามว่าอยากให้เพลงที่ปล่อยไปแล้วมีงานไหม อยาก แต่เพลงนี้จากทรงไม่ใช่ เพราะมันเป็นเพลงที่พูดถึงชีวิตพูดถึงอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับความรักทั่วไป ผมก็หวังว่า เพลงลืมไป มันจะทำฟังก์ชั่นเหมือนเพลงง่ายดายที่ไม่อิงกับเนื้อหาความรัก

 

ก็เขียนออกมาเพราะรู้สึกว่าชีวิตมันจะยาว เราจะแก่ตาย แต่วันที่เรารู้สึกไม่สบายหรือป่วย ทำให้เรารู้ว่า ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าเรายังปล่อยให้เป็นแบบนี้อยู่ เราคงไม่มีโอกาสได้ทำ แล้วไม่ใช่ว่าเขาจะจากไป แต่เราจะจากเขาไป ชีวิตมันเปราะบาง ผมรู้สึกแบบนั้น

 

เมื่อก่อนผมใช้เวลานั่งฟังเพลงแร็ปเปอร์หลายๆ คน หนึ่งในนั้นคือ ปู่จ๋าน ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เขาเล่ามันจริงกับเขาแค่ไหน ซึ่งดีใจมากที่ส่งเพลงไปให้ทางปู่จ๋านฟังแล้วเขาบอกว่าชอบเพลงนี้เพราะว่าเป็นสิ่งเดียวกับที่เขาเผชิญอยู่ การทำงานเยอะๆ เพื่อหวังว่าจะสร้างโน่นสร้างนี่ เก็บเงินมาให้คนที่รัก ปรากฏว่ามันอาจจะไม่ใช่คำตอบของชีวิต

 

ปู่จ๋านบอกเคยเอาเงินสดมาให้แม่แล้วไปทัวร์หลายๆ วัน แต่คุณแม่บอกว่าไม่ได้อยากได้เงินของปู่จ๋าน อยากได้เวลาให้ลูกมาอยู่ด้วยมากกว่า ปู่จ๋านเลยบอกเพลงนี้ข้อความที่เพลงนี้ได้เล่าชีวิตอยู่ ซึ่งเขายินดีที่จะมาฟีทเจอริ่งด้วย ผมก็ดีใจมากต้องขอบคุณปู่จ๋าน ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีเพลงนี้ที่ออกมาดี

 

ผมเขียนเพลงนี้แล้วผมรู้สึกขอบคุณตัวเองในข้อความหนึ่งว่า “ลืมไปว่าชีวิตมันดีแค่ไหนที่ได้พบความรักดีๆ ของเธอ” มันหมายความว่า บางที่สิ่งที่มีค่ามันอยู่รอบๆ ตัว แต่ผมไม่รู้ว่าเราจะต้องไปสร้างโน่นหานั่นหาโน่น จนบางทีวันที่เราอยู่กับปัจจุบันจริงๆ เราจะรู้ว่าสิ่งที่มีความหมายคือคนที่อยู่ตรงหน้าเรา พร้อมที่จะอยู่ข้างๆ เราเสมอ ลืมไปว่าเรากำลังสร้างบ้านเพื่อที่จะให้เขาอยู่ แต่สิ่งที่สำคัญคือการที่มีเขาอยู่กับเรามากกว่า

 

แต่เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่คนทักเข้ามาขอบคุณที่ทำให้เขาคิดได้ว่า สิ่งที่สำคัญกำลังรอเราอยู่ที่บ้านโดยที่เราไม่มีเวลาให้ ทำให้เขาคิดได้ว่าบางอย่างเขาไม่ได้ใส่ใจมากจนบางทีมันอาจจะช้าเกินไป เราดีใจและภูมิใจในฐานะนักแต่งเพลงแล้วสร้างสิ่งที่มันมีประโยชน์กับคนอื่นไม่ใช่แค่เอ็นเตอร์เทนอย่างเดียว

KSP07832

                วันนี้ผมรู้สึกดีใจที่ได้มาบอกเล่าเรื่องราวผ่านเพลง พอเราเล่าไปก็มีเรื่องราวของเราอยู่ในนั้นค่อนข้างเยอะมาก บางเรื่องเราก็ลืมไปแล้วว่ามันอยู่ในช่วงไหนของชีวิตเราจนเราพูดไปพูดมา มันก็สะกิดเรื่องราวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ค่อนข้างตกใจตัวเองมาก การได้กลับมาเล่าถึงเพลงที่อยู่ในชีวิตของผม ทำให้ความรู้สึกผมเหมือนได้ย้อนกลับไปในแต่ละช่วงเวลานั้น ๆ”