จิบรอยอดีต... 7 คาเฟ่ประวัติศาสตร์อิตาลี

จิบรอยอดีต... 7 คาเฟ่ประวัติศาสตร์อิตาลี

จิบเอสเพรสโซและพายอร่อยๆ พร้อมนั่งเสพศิลปะการตกแต่งภายในที่หรูหราและงดงาม เปี่ยมไปด้วยร่องรอยทางวัฒนธรรมและการเมืองในอดีต

 

ร้านกาแฟในหน้าประวัติศาสตร์ของอิตาลีนั้น นอกจากเสิร์ฟเครื่องดื่มรสเยี่ยมแล้ว เราๆ ท่านๆ ยังสามารถนั่งเสพศิลปะการตกแต่งภายในที่หรูหราและงดงาม เปี่ยมไปด้วยร่องรอยทางวัฒนธรรมและการเมืองในยุคศตวรรษที่ 18 และ 19 เสมือนหนึ่งกลายป็นนักเดินทางที่ท่องไปในอดีต ร่วมเป็นประจักษ์พยานในฉากเหตุการณ์สำคัญต่างๆ จนทำให้คิดว่าคำสวยและหรูหรานั้น ยังน้อยเกินไปเมื่อพูดถึงความเลอค่าทางประวัติศาสตร์ของร้านกาแฟเหล่านี้

นับจากเส้นทางกาแฟข้ามตุรกีเข้าสู่ภาคใต้ของอิตาลี ก็มีร้านกาแฟเกิดขึ้นมากมายในช่วง 200-300 ปีที่ผ่านมา บางรายปิดกิจการไปตามกาลเวลา บางแห่งยังคงเป็นตำนานที่มีชีวิตชีวา สัปดาห์นี้จึงใคร่ขอนำเสนอ 7 ร้านกาแฟประวัติศาสตร์ของอิตาลีกันดูบ้าง พอเป็นไกด์ไลน์สำหรับเดินทางไปจิบเอสเพรสโซและพายอร่อยๆ ที่นั่นกันครับ

 

  1. Caffè Florian เมืองเวนิส

ก่อตั้งปี ค.ศ. 1720 จัดเป็นร้านกาแฟเก่าแก่ที่สุดในอิตาลีและอาจเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงเปิดดำเนินการอยู่ ตั้งอยู่ในบริเวณจัตุรัสซานมาร์โค ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิ่งที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของเมืองเลยทีเดียว มีบุคคลสำคัญของยุโรปในเวลานั้นแวะไปเยี่ยมเยียนกันอยู่มิได้ขาด เช่น ลอร์ด ไบรอน จินตกวีชาวอังกฤษ, เกอเธ่ นักปรัชญาชาวเยอรมัน, รุสโซ นักทฤษฎีการเมืองชาวฝรั่งเศส, กอซซี่ นักการละครอิตาเลียน, ชาลส์ ดิกคินส์ นักประพันธ์เรืองนามชาวอังกฤษ

นึกไม่ถึงเหมือนกันว่า Caffè Florian ก็เป็นสถานที่นัดหมายของ คาสโนวา นักเขียนเจ้าคารมคมคายชาวเวนิสกับบรรดาหญิงสาวที่เขาติดตามพัวพันอยู่ด้วยเสมอ

ระหว่างจลาจลในออสเตรียเมื่อปี ค.ศ. 1848 บรรดาแกนนำผู้ก่อการปฏิวัติ ก็ใช้ร้านกาแฟร้านนี้เป็นสถานที่ชุมนุมวางแผนด้วยเช่นกัน

 

cof1

 Caffè Florian ร้านกาแฟเก่าแก่ที่สุดในอิตาลี (ภาพ : Clay Banks on Unsplash)

เดิมทีคาเฟ่แห่งนี้มีชื่อว่า Caffè alla Venezia trionfante แปลเป็นไทยประมาณว่า ‘คาเฟ่แห่งชัยชนะของเวนิส’ ต่อมาไม่นาน ก็มีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Caffè Florian ตามชื่อ ‘ฟลอริเอโน ฟรานเชสโคนี’ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านคนแรก ไฮไลต์นั้นอยู่ที่ บรรดาห้องโถงขนาดใหญ่ของร้านที่เต็มไปด้วยความหรูหราอันเป็นแบบฉบับร้านกาแฟในอดีต ตกแต่งภายในอย่างคลาสสิกเปี่ยมเสน่ห์แบบดั้งเดิม ประดับประดาด้วยภาพเขียนของจิตรกรชื่อดัง ในห้องโถงเหล่านี้ ยังทำเป็นห้องสไตล์ศิลปะจีนและตะวันออกด้วย วิจิตรตระการตามากๆ

ห้องหลักของร้านที่มีชื่อว่า Sala del Senato นั้น เชื่อกันว่า ‘จาโกโม คาซา’ ศิลปินผู้ออกแบบได้แอบซุกซ่อนสัญลักษณ์แห่งปริศนาไว้ในภาพเขียนที่ประดับบนผนังห้อง เป็นปริศนาที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแนบสนิทของเมืองฟลอเรนซ์กับองค์กรลับอิลลูมินาติ ซึ่งยึดถือปรัชญาความคิดอิสระ ไม่ยึดติดกับความเชื่อเก่าๆ ที่สั่งสอนกันมา

 

  1. Gran Caffè Gambrinus เมืองเนเปิลส์

เปิดตัวในปี ค.ศ. 1860 เป็นร้านกาแฟแนววรรณกรรม ตกแต่งภายในอย่างโดดเด่นในยุคสวยงาม (Belle Époque) อันเป็นยุคสมัยที่บ้านเมืองในยุโรปตะวันตกเต็มไปด้วยสงบสุข มีความก้าวหน้าทั้งเศรษฐกิจ ศิลปะ และวิทยาการ ระหว่างปี ค.ศ. 1871 - 1914 ว่ากันว่า นักเขียนและกวีชื่อดังของอิตาลี ‘กาบริเอเล่ ดันนันซิโอ’ ประพันธ์เพลง A vucchella หรือเพลงแห่งเนเปิลส์อันโด่งดังในร้านนี้เอง เนื้อหาเพลงพรรณาถึงความงดงามนุ่มนวลของหญิงสาว

ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 Gran Caffè Gambrinus กลายเป็นแหล่งชุมนุมของนักการเมือง และนักคิดนักเขียน อาทิ หนึ่งในนักปรัชญาและนักประวัติศาสตร์คนสำคัญของอิตาลีอย่าง เบเนเดตโต โครเช หัวหอกต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์ในสมัยนั้น มักนัดหมายปัญญาชน นักหนังสือพิมพ์ และนักการเมือง มาถกแถลงกันในประเด็นวัฒนธรรมและสังคม ณ ร้านกาแฟแห่งนี้เป็นประจำ

 

cof2

บรรยากาศหน้าร้าน Bar Gambrinus (ภาพ : Armando Mancini) 

 

  1. Caffè Gilli เมืองฟลอเรนซ์

ครอบครัวชาวสวิสนามสกุลว่า Gilli ได้เปิดร้านกาแฟและเบเกอรี่ชื่อ ‘Bottega dei Pani Dolci’ ขึ้นในเมืองนี้เมื่อปี ค.ศ. 1733 ด้วยกาแฟที่หอมหวนและขนมปังรสหวานอร่อย ในเวลาไม่นาน คาเฟ่ร้านนี้ก็กลายเป็นที่นิยมของชาวเมืองฟลอเรนซ์ ถือเป็นร้านกาแฟที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง และเป็นร้านที่โชว์ศิลปะแนวอาร์ตนูโวประจำเมืองเลยทีเดียว

ช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ร้านได้ย้ายไปอยู่ใกล้จัตุรัสวิตโตริโอ เอมานูเอเล จากนั้นในต้นศตวรรษที่ 19 เนื่องจากเริ่มคับแคบจึงจำเป็นต้องขยับขยาย ครอบครัว Gilli ได้ย้ายร้านไปยัง จัตุรัส เดลลา รีพับบลิกา ซึ่งดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน

ความขลังของร้านนอกจากอยู่ที่กาแฟและเบเกอรี่แล้ว ยุคสมัยหนึ่งยังถือเป็นแหล่งชุมนุมพบปะของนักเขียน ศิลปิน และดารานักแสดง จากทั่วทุกมุมโลก ทุกวันนี้ความนิยมยังไม่เสื่อมคลาย บรรดาดีไซเนอร์ชื่อดังมักใช้ร้านนี้เป็นสถานที่นัดหมายพบกัน หากว่าเดินทางมาร่วมงาน Pitti Uomo ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าแฟชั่นและงานไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย ทั้งยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนฟลอเรนซ์ นครแห่งศิลปะแห่งนี้ด้วย

 

cof3

Caffè Gilli เด่นในเรื่องกาแฟและเบเกอรี่ (ภาพ : sailko)
 

  1. Caffè Concerto Paszkowski เมืองฟลอเรนซ์

เดิมชื่อ Caffè Centrale ก่อตั้งปี ค.ศ. 1846 เป็นอีกร้านกาแฟเก่าแก่มากๆ ของเมืองฟลอเรนซ์ที่ปัจจุบันยังเปิดทำการอยู่ และยังคงเป็นพบปะสุดป๊อปของบรรดาปัญญาชนใยยุคสมัยนี้ ซึ่งนับจากอดีตที่ผ่านมา ก็มีนักคิดนักเขียนชื่อดังมานั่งประจำการอยู่มิได้ขาด หรือแม้แต่ เซซาเร บัตติสติ อดีตผู้นำกองกำลังติดอาวุธฝ่ายซ้ายจัดของอิตาลี ก็เคยเป็นแขกของร้านนี้

ต่อมา ในปีค.ศ. 1903 ก็เปลี่ยนชื่อร้านเป็น Caffè Concerto Paszkowski หลังจากกิจการร้านโดนเทคโอเวอร์ โดยบริษัท โซชีเอตา คาร์โล ปาสโคสกี้ ผู้บุกเบิกวงการเบียร์ในอิตาลีซึ่งมีพื้นเพมาจากโปแลนด์ ภายใต้การบริหารงานของชาวโปล ร้านได้ปรับภาพลักษณ์ให้เป็นทั้งร้านเบียร์และร้านกาแฟ เสนอดนตรีสไตล์ฟลอเรนซ์ในช่วงเย็นของทุกวันด้วย

ร้านเก่าแก่ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัส เดลลา รีพับบลิกาอยู่ใกล้ๆ ร้าน Caffè Gilli ต่อมาได้ถูกประกาศให้เป็นมรดกของชาติในปีค.ศ. 1991 จวบจนถึงปัจจุบัน Caffè Concerto Paszkowski ยังคงรักษาประเพณีการต้อนรับแขกด้วยการขับกล่อมเสียงเพลงอันบันเทิงเริงใจ ซึ่งเคยเป็นประเพณีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยยุคทองทางวรรณกรรมของเมืองฟลอเรนซ์

 

cof4

 สไตล์การตกแต่งในร้าน Caffè Paskowski (ภาพ : Simona Pellegrini)

 

  1. Antico Caffè della Pace กรุงโรม

เป็นร้านกาแฟขาประจำของนักเขียนนิยาย นักวาดภาพ และศิลปินชื่อดังทั้งหลาย ก่อตั้งในปีค.ศ. 1891 คอกาแฟท่านใดไปกรุงโรม ห้ามพลาดนะครับ

คาเฟ่ร้านนี้มักถูกกล่าวขานถึงเสมอในฐานะแหล่งพบปะเสวนาของกลุ่มศิลปิน Transavanguardia ของอิตาลี ที่สร้างผลงานถ่ายทอดความฝันและจินตนาการ เป็นแนวคิดที่เกิดจากการปฎิเสธกฏเกณฑ์ต่างๆ ซึ่งมีสมาชิกร่วมสมัยอย่าง เอ็นโซ่ กุชชี่ ,ฟรานเชสโก คเลเมนเต้, ซานโดร เชีย และมิมโม ปาลาดิโน

ด้วยผนังตึกที่เต็มไปด้วยไม้เลื้อย และลานโล่งหน้าร้านที่เปิดกว้าง แถมอยู่ใกล้จัตุรัส นาโวน่า ล้วนแล้วแต่เป็นแรงดึงดูดเย้ายวนเกินห้ามใจให้เครเอทีฟชื่อดังของอิตาลีมานั่งจิบกาแฟกินพายยามว่างกัน รวมไปถึงดารา-นักร้องในวงการฮอลลีวู้ดอย่าง วูดดี้ อัลเลน, มาดอนน่า และจูเลีย โรเบิร์ต ก็เคยแวะมาที่้ร้านนี้

 

cof5

 

  1. Caffè Fiorio เมืองตูริน

กล่าวได้ว่าเป็นร้านกาแฟที่สำคัญของเมืองทีเดียว ตั้งอยู่ระหว่างจัตุรัสคาสเตลโลกับจัตุรัส วิตโตริโอ เวเนโต ในตูริน เมืองทางเหนือของอิตาลี ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1780 ก่อนตกแต่งใหม่ในปี ค.ศ. 1845

อย่างไรก็ตาม Caffè Fiorio ถือเป็นร้านกาแฟในจำนวนไม่กี่แห่งของเมืองที่ยังคงไว้ซึ่งสไตล์การตกแต่งร้านจากยุคก่อน ด้วยโคมไฟใหญ่เด่นบนเพดานของร้าน เคาน์เตอร์ลายหินอ่อนโทนสีเหลือง เบาะนั่งปูด้วยกำมะหยี่ ประดับประดาด้วยกระจกโบราณ

นอกจากเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ของนักคิด นักเขียน และศิลปินของเมืองในทุกยุคสมัยแล้ว ร้านนี้ยังเบลนด์กาแฟด้วยบาริสต้าของร้านเอง มีเมนูกาแฟอันขึ้นชื่อของร้าน คือ ‘Bicerin’ เป็นเครื่องดื่มดั้งเดิมของเมือง ใช้กาแฟเอสเพรสโซร้อน เติมครีมนม และใส่ช็อคโกแลตร้อน เสิร์ฟในแก้วทรงกลมเล็กจิ๋วน่ารัก นอกจากนั้น ยังมีไอศกรีมท้องถิ่นรสเลิศให้ชิมอีกด้วย

 

cof6

เคาน์เตอร์บาร์สุดคลาสสิกของร้าน Cafe Fiorio (ภาพ : Mister654321)

 

  1. The Camparino (Zucca in Galleria) เมืองมิลาน

เป็นร้านกาแฟที่เปลี่ยนมาหลายชื่อ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1867 ช่วงเดียวกับ ‘กัลเลรีอา วิตโตริโอ เอมานูเอเล’ ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่และหรูหราที่สุดของอิตาลีซึ่งอยู่ในเมืองมิลานเช่นกัน ร้าน Zucca in Galleria ถือเป็นหนึ่งในร้านกาแฟระดับตำนาน มีประวัติศาสตร์ร่วมสมัยกับ ห้างกัลเลรีอา และ ‘ลา สกาล่า’ โรงละครที่มีชื่อเสียงของเมือง ตัวร้านก็ตั้งอยู่ปากประตูทางเข้าห้างแห่งนี้ ส่วนคนดูทั้งที่มีชื่อเสียงและไม่มีชื่อเสียงก็มักมานั่งจิบกาแฟพูดคุยกันหลังชมละครจบแล้ว

กษัตริย์อุมแบร์โตที่ 1 แห่งอิตาลี และกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ ก็เคยเสด็จมาดื่มกาแฟที่ร้านนี้ เพราะถือว่าเป็นร้านกาแฟที่เยี่ยมที่สุดในมิลาน พร้อมกับชื่นชมเคาน์เตอร์บาร์ไม้ที่ออกแบบได้อย่างสวยงาม

 

cof7

 Caffè Zucca หรือ Camparino ในปัจจุบัน คาเฟ่ดังเมืองมิลาน (ภาพ : Chiara)

แรกเริ่มนั้น ใช้ชื่อว่า Camparino ต่อมาก็ Zucca แล้วก็ Miani กลับมาชื่อ Zucca อีกครั้ง จนกระทั่งในที่สุดกลับไปใช้ชื่อเดิม Camparino ในปี ค.ศ. 2012 แสดงถึงฐานะทางธุรกิจที่ผ่านคลื่นลมมรสุมความลำบากมามากทีเดียว

กูเยลโม่ มีอานี่ ซีอีโอของลารุสมิอานี แบรนด์เสื้อผ้าในมิลาน ได้เข้ามาซื้อกิจการร้านเมื่อหลายสิบปีก่อน และก็แทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงการตกแต่งภายในร้านเก่าแก่แห่งนี้เลย ยังคงสงวนรักษารูปแบบดั้งเดิมเอาไว้ ไม่ว่าจะโคมไฟระย้า กระเบื้องเคลือบสลับสีภาพดอกไม้และนก

อาจเป็นด้วยความรู้สึกร่วมจากเจ้าของกิจการคนใหม่ที่เคยเผยความภาคภูมิใจเอาไว้ว่า “...ที่นี่ไม่ใช่แค่ร้านกาแฟ แต่คือสถาบันแห่งหนึ่งของเมืองมิลาน”