‘แชทบอท’ Traffy fondue ตัวช่วย หยุดโควิด-19
แชทบอทที่ชวนคนไทยเป็นนักสืบ แจ้งเบาะแสกลุ่มเสี่ยง COVID-19 เมื่อเดินทางจากพื้นที่เสี่ยงกลับมายังภูมิลำเนา
‘ทราฟี่ ฟองดู’ (Traffy fondue) คือแพลตฟอร์มที่ใช้ในการรับแจ้งข้อร้องเรียนและปัญหาเมือง ทั้งขยะล้น ฟุตปาธเป็นหลุมบ่อ ไฟฟ้าดับ ผ่านระบบไลน์แชทบอทเพื่อ ถาม-ตอบ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่รวดเร็ว และยังส่งต่อข้อร้องเรียนไปยังผู้รับผิดชอบโดยตรง ทั้งเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โดยหลังจากแก้ปัญหาแล้วเสร็จ ระบบจะตอบกลับไปยังผู้แจ้งอีกด้วย
“ระบบนี้รับแจ้งเรื่องจากประชาชนผ่านไลน์แชทบอท เหมือนคุยกับผู้รับผิดชอบเรื่องนั้นๆ โดยตรง ไม่ว่าจะแจ้งเรื่องอะไร ระบบแชทบอทจะถามว่า ท่านต้องการแจ้งเรื่องอะไร ท่านต้องการแจ้งพื้นที่ไหน ท่านมีรูปถ่ายหรือข้อมูลรายละเอียดไหม เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาระบบได้พัฒนารองรับการแจ้งปัญหามาอย่างต่อเนื่องทั้งปัญหาเมือง ปัญหาการเผา ลดฝุ่นควัน ตลอดจนล่าสุดปัญหาสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ทีมวิจัยก็พร้อมประยุกต์ให้ระบบรองรับการแจ้งได้”
ดร.วสันต์ ภัทรอธิคม หัวหน้าทีมวิจัยระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเวลานี้มีความพยายามสกัดกั้นโรคโควิด-19 ระบาดกันทุกวิถีทาง ทีมวิจัยจึงประยุต์ใช้ให้ Traffy fondue ทำงานสนองกับสถานการณ์ โดยกระทรวงมหาดไทย (มท.) ต้องการทราบว่าคนที่มีความเสี่ยงกับโรคโควิด-19 เดินทางกลับมายังภูมิลำเนามีอยู่ที่ใดบ้าง เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ในการคัดกรองคนที่เดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดและมาจากพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีการระบาดอยู่มากที่สุด ให้คนเหล่านั้นต้องมีส่วนรับผิดชอบสังคม โดยต้องกักตัวเองตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
“เมื่อประชาชนเพิ่มเพื่อนในไลน์ (LINE) โดยพิมพ์ @traffyfondue ก็จะเป็นไลน์แชทบอท ให้แจ้งเมื่อพบว่ามีคนกลับมาภูมิลำเนาที่อาจมาจากพื้นที่เสี่ยง ระบบนี้จะแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองพื้นที่ เข้าไปตรวจสอบและเมื่อตอบสอบเสร็จ เจ้าหน้าที่จะตอบกลับไปยังผู้แจ้งว่าได้ดำเนินการตรวจสอบ บุคคลหรือกลุ่มเสี่ยงเหล่านั้นแล้ว ไปยังผู้แจ้ง โดยฐานข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อรวบรวมไปให้ผู้เกี่ยวข้องนำไปติดตามและป้องกันโรคในแต่ละพื้นที่ตามขั้นตอนที่ถูกต้อง”
ทั้งนี้ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิค-19 มีความร้ายแรง จนทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก ทางภาครัฐต้องออกมาตรการขอความร่วมมือเว้นระยะห่างทางสัมคม (Social Distancing) รวมถึงการขอความร่วมมือสถานประกอบการบางแห่งปิดการทำงานเพื่อเป็นการ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ”
ดร.วสันต์ กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ด้วยการระบาดที่แพร่ไปทั่วประเทศและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยมีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศจึงเป็นตัวช่วยในการเป็นหูเป็นตาได้ดี อีกทั้งยังรู้ว่าใครเสี่ยงจากที่ไหนกลับมาในพื้นที่เมื่อไหร่ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ได้ โดยใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในมือถือของทุกคนเพื่อช่วยกันสอดส่องแจ้งข้อมูล แจ้งปัญหาต่างๆ ซึ่งในกรณีนี้คือการช่วยแจ้งข้อมูลคนที่กลับมายังภูมิลำเนาและมาจากพื้นที่เสี่ยงให้เจ้าหน้าที่รับทราบ เป็นต้น
สำหรับประชาชนที่เข้าไลน์แชทบอท @traffyfondue ระบบมีรูปแบบให้สามารถส่งตำแหน่ง (พิกัด) ภาพสถานที่ ที่ไม่ใช่ภาพบุคคล ชื่อเล่น เพศ เพื่อที่จะทำให้เจ้าฝ่ายปกครองท้องถิ่น ลงพื้นที่ ตรวจสอบและติดตามได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ดร.วสันต์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้แชทบอท @traffyfondue เพื่อแจ้งเบาะแสของผู้เข้าข่ายเดินทางจากพื้นที่เสี่ยงที่กลับมายังภูมิลำเนาแล้วจำนวนมาก เนื่องจากสามารถแจ้งได้ 24 ชั่วโมง โดยจังหวัดที่ประชาชนแจ้งกลับมาแล้ว เช่น มหาสารคาม ราชบุรี นครพนม ยโสธร หนองคาย เป็นต้น และยังมีอีกหลายภูมิภาคทั่วประเทศ ทั้งนี้ข้อมูลที่ถูกส่งเข้ามาในระบบแชทบอท จะขึ้นให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าพื้นที่ไหนมีจำนวนมากและได้รับการตรวจสอบพร้อมทั้งแจ้งกลับไปยังผู้แจ้งอีกด้วยว่าดำเนินการตรวจสอบเรียบร้อยแล้วหรือยัง
ถึงนาทีนี้ทุกคนต้องยอมรับว่าโลกเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เพราะเทคโนโลยีได้เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตและอำนวยความสะดวกในทุกมิติ จากใครที่ไม่เคยสั่งอาหารด้วยมือถือก็หันมาโหลดแอพพลิชันสั่งกันเกือบทุกมื้อ การเปลี่ยนวิถีมาทำงานที่บ้าน ประชุมกันด้วยโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์แบบใช้กล้องก็ทำได้สะดวกขึ้น
เช่นเดียวกับภารกิจ ‘หยุดเชื้อ เพื่อชาติ’ ที่เป็นอีกความตั้งใจของนักวิจัยผู้พัฒนาแอพพลิเคชัน เชิญชวนคนไทย มาร่วมกันแจ้งข้อมูลผ่านไลน์แชทบอทเพียงเพิ่มเพื่อน @traffyfondue หากพบคนจากพื้นที่เสี่ยงกลับภูมิลำเนา โดยแจ้งข้อมูลพิมพ์ #โควิด ตามด้วยชื่อเล่น เพศ ลักษณะที่อยู่หมู่บ้าน ชุมชน เพียงเท่านี้ให้ @traffyfondue เป็นอีกตัวช่วย หยุดการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ได้แล้ว