ผัดหมี่ปากพนัง แผงผัก และแหลมตะลุมพุก

ผัดหมี่ปากพนัง แผงผัก และแหลมตะลุมพุก

มา 'นครศรีธรรมราช' วางแผนว่าจะขับรถไปเที่ยว 'อำเภอปากพนัง' ตามด้วยการขับรถไปจนสุด 'แหลมตะลุมพุก'...

 การขับรถเที่ยวของเราจะต้องหาทางออกไปนอกเมือง ไปตรงที่เคยได้ยินชื่อมานาน จากข่าว หรือจากเรื่องราวอะไรก็ตามแต่ แล้วก็ถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก อีกอย่างคือชอบเดินทางไปตรงสุดแผ่นดิน ปลายสุดแหลมต่าง ๆ ที่สามารถขับรถไปได้ ชอบไปยืนอยู่ตรงนั้นแล้วเช็คอินเก็บเป็นความทรงจำไว้...

ท่าเทียบเรือประมงเมืองคอนที่ปากพนัง 1

  ท่าเทียบเรือ

ได้ยินชื่อ แหลมตะลุมพุก มานานมาก ในฐานะแหลมที่มีรูปทรงสวยงามรูปเสี้ยวพระจันทร์ และเคยประสบภัยพิบัติเจอพายุพัดมาแล้วหลายครั้งหลายหน หลายครั้งหนักเสียจนเป็นข่าวใหญ่มาก ๆ เช่น พายุแฮเรียตเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้ว และอีกทีก็พายุปาบึกเมื่อต้นปีก่อน

น้ำขึ้น-น้ำลงที่ปากพนัง

ความงามของแผงผักตลาดร้อยปี

ก่อนจะไปสุดแหลมเราแวะกันที่ อำเภอปากพนัง เป็นเมืองลุ่มน้ำที่ปากแม่น้ำปากพนัง อยู่ห่างจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช 35 กิโลเมตร เรามาเมืองนี้กับฝนอย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้ ฟ้ามืดมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่แผนการเราก็ยังไม่เปลี่ยน เราจะไปกินข้าวกันที่ปากพนัง แล้วขับรถไปปลายสุดแหลมตะลุมพุกกันให้จงได้

แผงขนมจีนที่ตลาดร้อยปี   ร้านขายเครื่องขนมจีน       

ปากพนังมีชื่อเสียงเรื่องการเป็นเมืองท่าเก่ามาก่อน แต่ก่อนเคยเป็นเมืองที่ชื่อว่า อำเภอเบี้ยซัดเพราะน้ำที่ปากแม่น้ำมักซัดเบี้ยหอยจากทะเลเข้ามา จนมาถึงปี พ.ศ. ๒๔๔๕ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชโองการให้เปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอปากพนัง เนื่องจากแม่น้ำปากพนังไหลผ่านใจกลางเมือง ทำให้เมืองนี้ถูกแบ่งเป็นฝั่งซ้ายและฝั่งขวา เมืองเก่าที่เราไปอยู่ฝั่งขวานะคะ ชาวเมืองที่นี่เขาจะขึ้นเรือข้ามฟากแม่น้ำไปมา ท่ารถเข้าเมืองอยู่ฝั่งซ้าย ส่วนตลาดอยู่ฝั่งขวาเป็นต้น

  ขนมลาแบบต่างๆ ที่ตลาดร้อยปี 2 re   ขนมลา       

ปลาทะเลตากแห้งที่ตลาดร้อยปี

ปลาทะเลตากแห้งที่ตลาดร้อยปี (ภาพ: www.ohhappybear.com)

แผงผัก

แผงผัก

เราจัดการหาที่จอดรถกันก่อนพอไปถึงปากพนังยามสาย ๆ ไม่ไกลจากตลาดคือ วัดเสาธงทอง มีที่จอดค่ะ แผนการคือเดินตลาด ๑๐๐ ปี ดูโน่นนี่นั่นแล้วหาข้าวกินกัน จะบอกว่าตลาด ๑๐๐ ปีนี่คนละที่กับ “ตลาดย้อนยุค” ที่จะเห็นบนเน็ตหากเสิร์ชหาสถานที่เที่ยวปากพนังนะคะ อันนั้นเป็นตลาดเกิดใหม่ จัดแบบเรโทร มีเฉพาะวันอาทิตย์ แต่มีชื่อแนวเดียวกัน ดิฉันสับสนค่ะ ตลาด ๑๐๐ ปี เป็นตลาดสดของท้องถิ่นมีทุกวัน พ่อค้าแม่ค้ามาขายของกันริมแม่น้ำนี่เอง ขนมลา ของดังของเมืองคอนมีขายที่นี่เยอะมาก แต่จะบอกว่าด้วยความเยอะและเลือกไม่ถูก เลยไม่รู้จะซื้อเจ้าไหนมัวแต่เลือกเลยลืมซื้อมากินค่ะในที่สุด

ดอกลำพู

 ดอกลำพู         

อาหารทะเลทั้งแบบสดและแห้ง แบบแห้งเขาตากกันตรงนั้นมากมาย แผงผักที่ขายผักพื้นบ้านจัดวางอย่างอลังการดูดีมาก รสชาติของอาหารท้องถิ่นและความอุดมสมบูรณ์ของภาคใต้เมืองไทยของเรา สามารถดูได้ที่นี่ไม่เบื่อค่ะ ผักเหนาะต่าง ๆ ที่จัดสำรับกับขนมจีน จะบอกว่ามีมากมายไม่รู้จบ ลูกชิ่ง ดอกลำพู เห็ดแครง มะม่วงเบา ปูนาตัวใหญ่ ๆ อ้อดิบ สะเดาจัดช่อมาพูน ๆ ระกำมัดโต พริกขี้หนู ปลาแห้ง ลูกเหรียง และอื่น ๆ อีกมากมาย สวยงามมาก สนุกมาก นอกจากอาหารสดก็มีขนมสำเร็จ ที่วางขายเรียงรายออกไปถึงหน้าถนน บริเวณนี้น่าจะเป็นดาวน์ทาวน์ของเมือง เพราะมีทั้งร้านชากาแฟสด ขนมปังปิ้ง มีคนมานั่งคุยกันยามเช้า บรรยากาศคึกคักอยู่ค่ะในวันหยุด

เห็ดแครง

  เห็ดแครง        

ไม่ไกลจากตลาด เราไปกินอาหารเที่ยงกันที่ร้านอาหาร บ้านชายคลอง คืออ่านรีวิวมามากมาย แต่ร้านนี้น่าจะเปิดมานานสุดดูดี อยู่ริมน้ำเลย มีทั้งส่วนห้องแอร์ และด้านนอก และเนื่องจากเราไม่ใช่คนแถวนี้กัน เราก็นั่งด้านนอกดูวิวแม่น้ำกันสิคะ อาหารต้องกินเมื่อมาปากพนังก็คือ ผัดหมี่ปากพนัง หรือ "หมี่ผัดเมืองนัง" นอกนั้นก็อาหารใต้ อาหารทะเลกันไปเช่นเคยค่ะ

หมี่ผัดเมืองนัง

  ผัดหมี่ปากพนัง        

ผัดหมี่ปากพนังจานนี้เป็นจานแรกที่เคยกินในชีวิต การรีวิวคือจากประสบการณ์น้อย ๆ ของตนเอง ผัดหมี่เมืองนังก็คือเส้นเล็กผัดเครื่องแกงแดงสูตรพิเศษของเมืองนี้ ใส่กุ้ง และเสิร์ฟพร้อมผักสด  ร้านนี้เสิร์ฟกับใบบัวบก มะม่วงเขียว ถั่วงอก ผักชีลาว โหระพา ถั่วพู ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ และแตงกวาค่ะ รสชาติผัดหมี่จานนี้ออกหวานมาก ดังนั้นความเปรี้ยวของมะม่วงเขียว และความฝาดของผักต่าง ๆ ที่ให้มานี่คือช่วยมากเป็นพิเศษ ก๋วยเตี๋ยวผัดมาแบบแฉะ ๆ นะคะ ไปดูยูทูปวิธีการผัดมา ก็เห็นว่าเค้าใช้วิธีใส่เส้นที่ดิบลงไปในน้ำเครื่องแกงเลย ประมาณเดียวกันกับการผัดหมี่ของสิงคโปร์ ที่ใช้น้ำซอสเป็นตัวทำให้เส้นสุก ให้รสชาติของน้ำแกงนี่แหละซึมเข้าไปในเนื้อก๋วยเตี๋ยว ถามว่าอร่อยไหม ก็อร่อยดี แต่หวานไปนิดสำหรับดิฉัน และหากถามต่อว่าให้กินอีกไหม บอกเลยว่ากินได้ค่ะ โดยเฉพาะหากมีโอกาสมาปากพนังอีก จะต้องหาโอกาสไปลองจานนี้เจ้าอื่นเพื่อจะได้เปรียบเทียบกัน

มื้อเที่ยงของเราที่บ้านชายคลอง re  

มื้อเที่ยงที่บ้านชายคลอง        

ด้วยความว่าปากพนังเป็นพื้นที่ริมแม่น้ำใหญ่ เรารับประทานอาหารกันเนิบ ๆ ใช้เวลาน่าจะสักสองชั่วโมง ขาออกมาปรากฏว่าน้ำท่วมร้านเฉยเลย ร้านอาหารที่เราไปเขายกพื้นที่สูง ให้น้ำจากแม่น้ำสามารถไหลผ่านเข้าเมืองไปได้ เรานั่งทานอาหารอยู่นี่คือไม่รู้เรื่องเลยว่าน้ำท่วม จนเดินออกมาเห็นรถที่จอดอยู่นี่จมไปเกือบครึ่งคัน ใจคอไม่ดีเพราะนึกถึงรถตนเองที่จอดอยู่ในวัด เดินออกมาตรงตัวเมืองถนนที่แห้งผากเมื่อตะกี้ท่วมกันหมด คิดถึงแผงผักคุณพี่เมื่อตะกี้ที่ตั้งอยู่ริมน้ำเลย แผงใหญ่ของเยอะเสียด้วย จะหนีน้ำกันทันไหม...

 แต่แผนการเที่ยวของเรายังไม่จบลงที่ปากพนังสิคะ เราตั้งใจกันว่าจะไปแหลมตะลุมพุกให้จงได้ มาถึงนี่แล้วก็ยิ่งต้องไป ฝนจะตกอย่างไรก็ไม่หวั่น ก่อนอื่นขอแวะซื้อกาแฟก่อน

แม่น้ำปากพนัง   แม่น้ำปากพนัง       

ที่ร้านกาแฟ คุณพี่เจ้าของร้านชิลมาก คนย่านนั้นที่ลุยน้ำมากินก็ชิลไม่แพ้กัน ถามได้ใจความว่า ปากพนังน้ำท่วมแบบนี้เป็นประจำ มันน่าเบื่อ และต้องการการจัดการที่ดี เฉียบขาด แต่นี่ก็คือธรรมชาติของพื้นที่นี้ น้ำขึ้น น้ำลง ข้างขึ้น ข้างแรม ทุกอย่างสัมพันธ์กัน กฎของธรรมชาติ เราต้องเข้าใจและเอาตัวรอดให้ได้

 

แหลมแห่งพายุ-ตะลุมพุก

 แหลมตะลุมพุก เป็นดินแดนแห่งพายุสมชื่อ ทันทีที่เราขับรถเข้าพื้นที่ส่วนที่เป็นแหลม เมฆดำจำนวนมากก็ก่อตัวกันเป็นพายุ ด้านหน้าของทางที่เรากำลังขับรถไปมีแต่ความมืดครึ้ม ลมเริ่มพัด เห็นต้นไม้เอนไปตามลมตลอดทาง

หลวงพ่อลาภ วัดแหลมตะลุมพุก  (1)  

หลวงพ่อลาภ  วัดแหลมตะลุมพุก     

แน่นอนว่าฝนกระหน่ำตลอดทางที่เราสองคนขับรถเพื่อให้ไปถึงปลายสุดของแหลมตะลุมพุก บางส่วนของถนนน้ำเริ่มท่วม แต่ด้วยความที่เป็นมนุษย์ที่มองโลกในแง่ดี (หรือจะว่าทึ่มบื้อก็ได้เช่นกัน) เราค่อย ๆ ขับกระดึบเข้าไปเรื่อยๆ พยายามอย่างมากที่จะต้องไปให้ถึงปลายสุดแผ่นดินตรงนั้นให้ได้ คือตอนนั้นมือจับพวงมาลัยรถแน่นมาก

แหลมตะลุมพุก 1

 ลมแรงที่แหลมตะลุมพุก        

น้ำท่วมสูงตรงส่วนที่น่าจะเป็นตัวเมืองของกิ่งอำเภอนี้ทำให้เราเปลี่ยนใจ หรือจะพูดอีกอย่างว่าเกิดปอดแหกขึ้นมาก็ได้ ดูแผนที่แล้วว่าระยะทางที่อยากจะไปอยู่ห่างไปอีกประมาณ 5 กม. แต่ลมฝนและน้ำท่วมนั้น ช่างยากแท้หยั่งถึง เราเลยตัดสินใจไปจอดรถที่ลานจอดรถริมทะเล ตรงที่มีร้านอาหารมากมายเรียงรายอยู่ บอกเลยว่าลมแรงมาก เราออกจากรถไปวีฟี่แบบด่วน ๆ ผมดิฉันกระจุยกระจายไปทุกทิศทางจากแรงลมที่น่าจะเป็นลมพายุเฉพาะของแหลมตะลุมพุก เรานั่งพักเหนื่อยกันพักใหญ่ก่อนขับรถกลับเข้าเมืองค่ะ จะบอกว่าจากการรีเสิร์ชออนไลน์ คนท้องถิ่นเขาแนะนำให้ไปกราบ หลวงพ่อลาภ ที่ วัดแหลมตะลุมพุก ด้วย ขาออกเราเลยได้จอดแวะกราบท่านเพื่อขอพรอย่างด่วน ๆ กันอีกด้วยค่ะ

ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์  

ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์        

เราจบทริปวันนี้ที่ ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ ประตูที่กั้นไม่ให้น้ำเค็มเข้ามาภายในตัวอำเภอที่มีการเพาะปลูกได้ ประตูแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินเปรี้ยวของปากพนัง ประตูนี้เป็นพื้นรับผิดชอบของกรมชลประทาน

ปัจจุบันเปิดให้ประชาชนเข้าไปเยี่ยมชมได้ทุกวัน มีที่จอดรถสะดวก ลมเย็นสบาย วิวสวยงาม