“โจลี่” เจอข้อหา..แคสต์นักแสดงเด็กโหดร้ายเกิน

หลังจากที่เก็บตัวเงียบเพื่อรักษาแผลใจ และเยียวยาครอบครัวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการตัดสินใจหย่าขาดจาก “แบรด พิทท์” อดีตสามีที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมานาน 12 ปี และมีลูกด้วยกัน 6 คน “แองเจลีนา โจลี” ก็เริ่มเดินสายออกสื่อเพื่อพูดถึงเรื่องที่ผ่านมา

            ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นปกนิตยสาร Vogue ฉบับเดือนกันยายน เพื่อเปิดอกพูดเรื่องชีวิตหลังการหย่าร้างเป็นครั้งแรก โดยโจลียอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด เธอต้องหันมาทำงานบ้าน ล้างจาน และเก็บอึสุนัขเอง

 

 

              นอกจากนี้ นักแสดงหญิงคนดังยังไปขึ้นปกนิตยสาร Vanity Fair แล้วให้สัมภาษณ์เรื่องการสร้าง และกำกับภาพยนตร์เรื่อง First They Killed My Father ซึ่งกลายเป็นประเด็นถกเถียงในวงกว้างเรื่องวิธีการแคสต์นักแสดงเด็กที่มารับบทนำในเรื่องของเธอ  

            First They Killed My Father เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากบันทึกความทรงจำของ Loung Ung นักข่าวชาวเขมรที่เล่าประสบการณ์วัยเด็กของเธอตอนที่กัมพูชาตกอยู่ภายใต้การปกครองของเขมรแดงในปี 2518 รวมไปถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวกัมพูชานับล้านคนหลังจากนั้น

 

 

            ด้วยเหตุนี้เอง โจลีจึงต้องเดินทางไปกัมพูชาเพื่อตามหาตัวเด็กที่จะมารับบทหนักนี้ โดยเธอต้องการเด็กยากจนที่ผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายในชีวิตมา โจลี่กับผู้อำนวยการแคสติ้งจึงให้เด็ก ๆ ที่เข้ามาออดิชั่นเล่นเกมจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่ถูกวิพากษณ์วิจารณ์ว่าโหดร้าย และไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น

 

 

            บทความของ Vanity Fair ระบุว่า โจลี่ไปมองหานักแสดงตามสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า คณะละครสัตว์ และโรงเรียนในสลัม โดยเธอจะให้พวกเขาเล่นเกมจิตวิทยาด้วยการวางเงินเอาไว้บนโต๊ะแล้วให้เด็ก ๆ คิดว่าอยากจะเอาไปทำอะไร พอเด็ก ๆ หยิบเงินไป ผู้กำกับก็จะบังคับให้พวกเขาคืนเงินมาเพื่อดูปฏิกิริยาของพวกเขา

            “Srey Moch ได้รับเลือกเพราะเธอเป็นเด็กหญิงเพียงคนเดียวที่จ้องเงินอยู่เป็นเวลานานมาก พอถูกบังคับให้คืนเงิน เธอก็แสดงความรู้สึกที่ท่วมท้นออกมา พอถูกถามในภายหลังว่าจะเอาเงินไปทำอะไร เธอก็บอกว่าปู่ของเธอเพิ่งตายไปแล้วทางบ้านไม่มีเงินจัดงานศพดี ๆ ให้” โจลีเล่าด้วยน้ำตา

 

 

           

 

           ทว่า พอบทความชิ้นนี้ถูกตีพิมพ์ออกไป โจลี่กลับถูกวิพากษณ์วิารณ์อย่างหนักว่าทำเกินกว่าเหตุ และใช้วิธีการที่โหดร้ายมากกับเด็กทั้ง ๆ ที่เธอเองเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน แท้ ๆ

            “แองเจลีนา โจลี บ้าไปแล้ว เป็นเกมจิตวิทยาที่โหดร้ายเกินกว่าจะนำมาเล่นกับเด็กยากจน” ผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งกล่าว ขณะที่อีกคนบอกว่า อะไรทำให้โจลี่คิดว่าการหาประโยชน์จากเด็ก ๆ ด้วยวิธีนี้มันโอเค

            ร้อนถึงโจลี และ Rithy Panh โปรดิวเซอร์หนังเรื่องนี้ ต้องออกแถลงการณ์ร่วมกันเพื่อลดกระแสโจมตีอย่างหนัก โดยโจลีบอกว่าเรื่องยึดเงินคืนจากเด็กระหว่างออดิชั่นเป็นเรื่องไม่จริง และทำให้เธอโมโหมาก เพราะเธอคงจะโกรธตัวเองเช่นกันถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีผู้ปกครอง ผู้ดู รวมไปถึงแพทย์มาอยู่ในฉากทุกวันเพื่อดูแลเด็ก ๆ ไม่ให้ได้รับอันตรายจากการแคสติ้งครั้งนี้

 

 

            ขณะที่ Panh ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตจากเขมรแดงด้วยเช่นกันเสริมว่า การแคสตัวเด็กกระทำด้วยวิธีการละเอียดอ่อนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยทำตามคำแนะนำของครอบครัว และไกด์ไลน์ของ NGO ซึ่งเด็ก ๆ เข้าใจดีว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่เป็นเพียงการแอคติ้งตามบทในหนัง

 

            ด้าน Vanity Fair แถลงว่าคนเขียนบทความชิ้นนี้อธิบายอย่างชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการแคสติ้งเป็นแค่เกม แล้วผู้สร้างก็ละเอียดอ่อนมากในการพูดถึงความเครียดทางจิตใจที่นักแสดงและทีมงานได้รับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการสร้างหนังเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เขมรแดงกระทำต่อชาวกัมพูชาด้วยกัน

 

 

            ทั้งนี้ โจลี่สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ทาง Netflix ซึ่งจะออกฉายภายหลังจากนำไปเปิดตัวในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่โตรอนโตในเดือนกันยายนแล้ว