ซ่อม สร้างชีวิต 'อโณทัย ฐิตะฐาน'

ซ่อม สร้างชีวิต 'อโณทัย ฐิตะฐาน'

ในแวดวงกีต้าร์หากพูดถึงผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านการซ่อมแซมกีต้าร์ที่โดดเด่นและรู้จักกันในวงการดีนั้น ดอน ซ่อมได้ หรือ อโนทัย ฐิตะฐาน

มือซ่อมกีต้าร์ชั้นเซียน ที่คอกีต้าร์ทั้งในวงการไทยและต่างประเทศรู้จักกันเป็นอย่างดี เขายังคงมีความเชี่ยวชาญอีกด้านที่เก่งไม่แพ้กันอีกด้วย นั่นคือ การสร้างกีต้าร์

ความเชี่ยวชาญทางด้านการซ่อมแซมและการสร้างกีต้าร์ของดอนนั้น เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั้งในหมู่นักกีต้าร์ที่มีชื่อเสียงของไทย หากถามว่าเคยซ่อมกีต้าร์ให้ใครบ้างนั้นถือว่าเป็นคำถามที่ค่อนข้างตอบยาก นิ่งคิดเป็นเวลานานทีเดียว หากเปลี่ยนคำถามใหม่เป็น ในวงการนักกีต้าร์ที่มีชื่อเสียงในเมืองไทย ใครที่พี่ยังไม่เคยซ่อมให้ นั่นถือว่าน่าจะเป็นคำถามที่ถูกต้องมากกว่า ไม่ใช่เพียงแต่เป็นที่รู้จักในประเทศเท่านั้น นักกีต้าร์ชาวต่างชาติเองก็บินมาเมืองไทยให้ดอนดูแลกีต้าร์ให้เลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าจะมีชื่อเสียงเลื่องชื่อในวงการกีต้าร์มากเพียงใด แต่เจ้าตัวกลับออกตัวอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนว่า เขาเองนั้นไม่เคยคิดว่าตนเหนือคนอื่นแต่อย่างใด หากแต่เพียงชอบคำว่า “We are standard” มากกว่า คือ ขอแค่รักษามาตรฐาน และไม่ด้อยกว่ามาตรฐาน นั่นถือว่า เป็นสิ่งที่ภูมิใจอย่างที่สุดแล้ว

กว่าจะมาเป็น ดอน ซ่อมได้

ดอนเล่าให้ฟังว่า ในสมัยก่อนนั้นเป็นคนที่เล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่ในสมัยนั้นกีต้าร์ราคาสูงมาก จึงทำได้แค่เพียงซื้อกีต้าร์ราคาถูกมาแล้วค่อยๆเรียนรู้ปรับแต่งดัดแปลงส่วนประกอบต่างๆของกีต้าร์โดยจะศึกษาจากหนังสือเรื่อยมา จนช่วงมัธยมปลายถึงมหาวิทยาลัยได้เล่นดนตรีอาชีพร่วมกับชาวต่างชาติที่มาบันทึกเสียงในเมืองไทย จึงได้ศึกษาทางด้านของซาวด์เอนจิเนีย รวมถึงชาวต่างชาติที่เป็นช่างทำกีต้าร์มาบันทึกเสียงที่เมืองไทยก็ได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ ประกอบกับตัวดอนเองมีความถนัดทางด้านงานไม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงทำให้ง่ายที่จะเรียนรู้ และบวกกับเป็นความชอบอยู่แล้วจึงทำให้สนใจเรียนรู้และเก็บเกี่ยวความรู้นั้นมาได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

เมื่อเราเรียนรู้บวกกับเป็นนักดนตรีด้วยจึงทำให้พี่ดอนเข้าใจและรู้ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นมันใช่หรือมันไม่ใช่ เปรียบได้กับ นักแข่งรถที่รู้เครื่องยนต์รถตนเองดี เมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็สามารถหาต้นตอของปัญหาและแก้ไขมันได้อย่างตรงจุดในเวลาอันรวดเร็ว

การซ่อมกีต้าร์นั้นดอนบอกว่าต้องนึกภาพให้ออกว่าก่อนที่กีต้าร์ตัวนี้จะเสียเป็นอย่างไร ศึกษาต่อไปอีกว่าก่อนเสียต้องมีชิ้นส่วนประกอบแบบไหน และตอนนี้ต่างกับก่อนหน้าที่จะเสียไปขนาดไหนแล้ว หลังจากนั้นมาคิดหาวิธีเพื่อจะได้ย้อนกลับไปหาจุดเดิมที่ควรจะเป็นของกีต้าร์ตัวนั้นให้ได้

บางคนก็ไม่ได้เสียแต่อยากปรับแต่งให้ดีขึ้น ก็ต้องดูว่ายังไม่ดีเพราะอะไรตรงจุดไหน

สำหรับตัวที่ดูแล้วไม่น่าจะซ่อมได้ เช่น แตกเป็นเสี่ยงๆชนิดที่ละเอียดยับเยินห่อซากมาด้วยถุงพลาสติกใบหนึ่ง มองอย่างไรก็ดูไม่รู้ว่าเศษซากในถุงนั้นคืออดีตกีต้าร์ตัวหนึ่ง เมื่อสภาพมาแหลกขนาดนั้นจึงได้แนะนำให้เขาซื้อใหม่ ในท้ายที่สุดแล้วก็ตัดสินใจซ่อมให้เพราะมันคือคุณค่าทางใจของเจ้าของกีต้าร์ตัวนี้ นั่นคือ เขาอยากให้เห็นว่า ทุกอย่างมันสามารถหวนกลับมาเป็นอย่างเดิมได้

การซ่อมกีตาร์ที่แหลกละเอียดตัวนี้ต้องใช้ระยะเวลาที่นานพอสมควร เนื่องจากต้องนำชิ้นส่วนเศษเสี้ยวของไม้มาประกอบทีละเสี้ยวๆคร่าวๆว่าหน้าตารูปร่างควรจะเป็นแบบไหน หลังจากนั้นจึงร่างออกมาเป็นภาพ แล้วจึงเริ่มซ่อม ซึ่งเคสนี้ดอนก็ได้หยิบกีต้าร์ที่เคยแหลกละเอียดตัวนี้หลังผ่านการซ่อมแซมจนกลับกลายมาเป็นกีต้าร์อีกครั้งให้ดู แทบไม่น่าเชื่อคือ เราไม่เห็นถึงร่องรอยแห่งการซ่อมแซมเลย หากไม่มองทะลุไปดูอย่างละเอียดด้านใน ซึ่งหากมองเผินๆนั่นคือกีต้าร์ใหม่ดีดีตัวหนึ่งที่สวยงามเลยทีเดียว

จุดเปลี่ยนนักสร้างกีต้าร์เต็มตัว

เมื่อแก้ไขได้ก็เกิดพูดเป็นกระแสกันปากต่อปาก จึงทำให้คนเริ่มหลั่งไหลมาให้ปรับแต่งกีต้าร์ ยืมกีต้าร์บ้างทำให้เกิดปัญหาขึ้น ฉะนั้นจึงตัดสินใจหันมาทำกีต้าร์ให้พวกเขาเลยดีกว่า เพราะกีต้าร์สำเร็จรูปโดยส่วนใหญ่ไม่มีตัวไหนหรอกที่ได้อย่างใจไปเสียทุกอย่าง แต่หากสร้างมันขึ้นมาใหม่จากที่เราอยากให้เป็น นั่นคือสิ่งที่ใช่ที่สุดแล้ว แต่การสร้างกีต้าร์ขึ้นมาสักตัวหนึ่งนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องคำนึงถึงหลายๆอย่างมาประกอบกันด้วย ฉะนั้นกีต้าร์กว่าจะสำเร็จมาสักหนึ่งตัว มันจึงใช้เวลานานหลายเดือนในการทำ รีบร้อนไม่ได้เลย

ดอนเล่าว่าตอนนั้นที่ตัดสินใจเลยจริงๆก็คือ เมื่อเราเล่นดนตรีทุกวันๆไม่ได้พักเลย และประกอบกับทำกีต้าร์ไปด้วย ทำให้รู้สึกได้ว่าทำทั้งสองอย่างได้ไม่ดีเลย จึงตัดสินใจที่จะหันมาทำอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงตัดสินใจหยุดเล่นดนตรีหันมาทำกีต้าร์อย่างจริงจัง ช่วงที่หยุดพักการเล่นดนตรี 2 ปีนั้นก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างที่คาดไว้ คือ กีต้าร์ก็ทยอยมาให้ซ่อมให้ทำ พอทำจริงจังบวกกับสร้างทีมขึ้นมาเพื่อทำด้านนี้โดยเฉพาะก็ทำให้งานเสร็จไว ไม่เหมือนตอนสมัยที่เล่นดนตรีไปด้วยทำกีต้าร์ไปด้วย ตอนนั้นทำอยู่คนเดียว กว่ากีต้าร์จะเสร็จก็ใช้ระยะเวลานานพอควร

การทำกีต้าร์นั้นอุปกรณ์โดยส่วนใหญ่พี่ดอนสั่งมาจากต่างประเทศเป็นหลัก และมีบางอย่างที่นำเอาอุปกรณ์ที่เราเห็นทั่วไปมาดัดแปลงใช้เป็นรูปแบบเฉพาะของที่ร้าน ยกตัวอย่างจากที่เห็นเช่น ตู้เอกสารที่เป็นโลหะรูปทรงคล้ายตู้เสื้อผ้า ก็นำมาดัดแปลงเป็นตู้ที่ใช้อบกีต้าร์โดยควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 39-40 องศา โดยติดฮีทเตอร์ไว้ที่ตู้และมีพัดลมระบายให้อากาศหมุนวนภายในตู้

สิ่งแรกที่คำนึงถึงเลยในการสร้างกีต้าร์ คือ รูปร่างตามแบบดีไซน์ที่อยากให้เป็น ไม่จำเป็นว่าจะต้องหน้าตาเป็นแบบเดิมๆก็ได้ เอาตามความชอบส่วนตัวได้เลย หลังจากนั้นก็อยู่ที่การเลือกวัสดุตัวไม้ที่นำมาประกอบเป็นตัวกีต้าร์ ดอนบอกว่า ไม้ที่นำมาทำตัวเรือนกีต้าร์ที่ดี คือ ไม้สงวนของบ้านเราปัจจุบัน ฉะนั้นไม้เหล่านี้ในการมาทำกีต้าร์จึงต้องสั่งมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น

หลังจากลงตัวในด้านของวัสดุ รวมถึงดีไซน์แล้ว ก็ประกอบเข้าสู่กระบวนการทำจนเป็นรูปเป็นร่าง ลงรายละเอียดต่างๆ จนเสร็จสมบูรณ์

ความสุขของคนทำกีต้าร์

เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มลงตัวอย่างที่มันควรจะเป็น ทีมก็แข็งแรงดีแล้ว พี่ดอนจึงได้หันกลับมาจับกีต้าร์เล่นดนตรีอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากการที่อยู่กับการบันทึกเสียงบ่อยครั้งบวกกับเสียงเรียกร้องทั้งจากเพื่อนๆและจากใจตนเอง อีกทั้งคนทำกีต้าร์เมื่อทำจนเสร็จสมบูรณ์แล้วหากไม่ได้ปล่อยของเสียบ้าง ก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสิ่งที่ตนทำมานั้นเยี่ยมจริงหรือเปล่า ดอนเปรียบเทียบให้ฟังง่ายๆว่า เหมือนนักแข่งรถที่เมื่อปรับแต่งรถตนเองมาอย่างดีแล้ว แต่กลับไม่ได้ลงสนามแข่งจริงๆก็เปล่าประโยชน์

ปัจจุบันดอนกลับมาเล่นดนตรี อาทิตย์หนึ่งเพียงแค่ 2-3 วันเท่านั้นที่ร้าน Mello Cafe เพื่อจะได้เล่นกีต้าร์ที่ตนพึ่งจะทำเสร็จ เมื่อถามถึงเสียงตอบรับในการนำกีต้าร์ใหม่แต่ละตัวไปลองเล่นที่ร้าน คำตอบที่ได้นั้นก็เป็นอย่างที่คาดคิด นั่นคือ กีต้าร์เหล่านั้นที่นำไปลองก็มักไม่ได้ติดไม้ติดมือกลับมาแต่อย่างใด เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ทางกายใจเห็นถึงความภูมิใจที่ฉายออกมาทางใบหน้าพร้อมรอยยิ้มแห่งความสุขเมื่อกล่าวถึงผลงานการทำกีต้าร์ของดอนเอง

นวัตกรรมของกีต้าร์

ด้วยความที่ดอนเป็นคนที่ชอบกีต้าร์มาก จึงได้สะสมกีต้าร์เรื่อยมาจนปัจจุบันมีกีต้าร์ที่สะสมกว่า 200 ตัว บางตัวนั้นมีอายุถึงกว่า 300 ปีเลยทีเดียว ข้อสังเกตที่พบของกีต้าร์อายุกว่า 300 ปีนั้น พบว่ากีต้าร์ในอดีตจะมีรูปร่างที่เล็กกว่ากีต้าร์ในปัจจุบัน รวมถึงน้ำหนักจะเบามาก เนื่องจากในสมัยก่อนคนที่เล่นกีต้าร์มักจะเป็นผู้หญิงเล่น

ฝีมือการทำกีต้าร์ของคนในสมัยก่อนนั้นจะละเอียดมาก มีลวดลายที่สวยงาม ถือว่าเป็นงานแฮนเมดที่สูงค่าด้วยศิลปะอย่างแท้จริง อีกทั้งไม่น่าเชื่อว่าเสียงจะยังคงไพเราะแฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์มากๆอีกด้วย แต่กีต้าร์อายุ 300 ปีในครอบครอง(มีทั้งของดอนเองและของลูกค้าชาวต่างชาติที่มาฝากให้ดอนช่วยดูแลรักษาให้) บางตัวก็มีรอยแตกของไม้อย่างชัดเจนอาจเนื่องด้วยระยะเวลาที่ยาวนานของตัวไม้ หรือวิธีการเก็บรักษาที่ค่อนข้างยาก ทำให้ไม้แตกไปก่อนที่จะมาถึงมือดอน เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่ได้ยินเสียงกีต้าร์ 300 ปีบรรเลงเป็นเพลงครบทุกตัว

กีต้าร์แห่งอนาคต

ดอนได้นำมาสเตอร์พีซที่เป็นกีต้าร์นวัตกรรมแห่งอนาคตที่คิดค้นขึ้นมาด้วยตนเองให้ทางกายใจได้ชม กายใจขอสารภาพตามตรงว่าหน้าตาของเจ้ากีต้าร์ตัวนี้ดูไม่เหมือนกับที่เราเคยเห็นมา ดูแปลกตาไปมาก แต่นึกไม่ออกว่าคล้ายอะไร รูปร่างกีต้าร์ถือว่าหลุดกรอบ ซึ่งตรงนี้กายใจไม่ติดใจ เพียงแต่ยิ่งเพิ่มความอยากรู้ว่ากีต้าร์แห่งอนาคตที่ชาวต่างชาติได้มาเห็นต่างยกย่องว่าเป็นนวัตกรรมล้ำหน้านั้นคืออะไรกันแน่

กีต้าร์แห่งอนาคตตัวนี้มีชื่อว่า โลตัส ตรงนี้เองที่ทำให้กายใจถึงบางอ้อว่าหน้าตากีต้าร์เหมือนกับดอกบัวของไทยนั่นเอง ความพิเศษของกีต้าร์ตัวนี้มีอยู่หลายจุดด้วยกัน นอกเหนือจากเอกลักษณ์รูปร่างหน้าตาที่เหมือนดอกบัวอันบ่งบอกความเป็นไทยแล้ว ตรงบริเวณหัวจะเป็นเส้นโค้งทั้งหมด เปลี่ยนรูปแบบการใส่สายให้วิ่งเข้าหาจุดศูนย์กลาง ไม่เหมือนกีต้าร์ทั่วไปที่วิ่งถ่างจากจุดศูนย์กลาง การดีไซน์แบบนี้มีข้อดีก็คือ ทำให้เกิดความยาวเสียงที่มากยิ่งขึ้นกว่ากีต้าร์โดยทั่วไปอยู่มาก ความยาวเสียงอยู่ที่ 18 วินาที โดยที่ไม่ต้องเสียบปลั้กอะไรเลย

อีกทั้งยังมีการฝังดิจิตอลเอฟเฟ็คไว้ด้วยโปรแกรมที่ออกแบบเองอีกด้วย ซึ่งสามารถเปลี่ยนเสียงได้ถึงกว่า 200 เสียง และยังสามารถบันทึกโปรแกรมได้ด้วย แค่เพียงเสียบไวเลทเดินไปกดเอฟเฟ็คที่ไหนก็ได้บนเวที ทำให้ไม่ต้องยืนอยู่นิ่งที่เดิมหรือต้องวิ่งกลับมาเพื่อมากดเอฟเฟ็คเลย

ทางด้านอนาคตนอกจากจะดีไซน์เพื่อจำหน่ายเองแล้ว ยังจะหมายถึงการขายลิขสิทธิ์แก่บริษัทยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศอีกด้วย ถือว่ากีต้าร์ตัวนี้เป็นนวัตกรรมที่บริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านั้นยังไม่ได้คิดและหากซื้อไปก็จะสามารถต่อยอดทางด้านการออกแบบให้ขยายตัวไปได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย